และแล้ววันเดินทางก็มาถึง เรานัดสมชิกทุกคนพบกันสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 7.30 น. เช็คอินมาเรียบร้อยแล้วแค่ไปโหลดกระเป๋าเดินทางเท่านั้น น้ำหนักกระเป๋าเที่ยวไปไม่มีปัญหากันโหลดกันแค่คนละใบเท่านั้น (แต่เที่ยวกลับ กระเป๋าพวกเราออกลูกออกหลานกันมาเพิ่มหลายใบ ต้องเช็คน้ำหนักกันทีเดียว)
สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ไปรับ Pocket wifi ที่ชั้นใต้ดิน และขอแนะนำว่าควรเลือกค่ายที่มั่นใจว่าจะสามารถใช้เครือข่ายในจีนที่ไม่สะดุดติดขัด เช่นที่พวกเราประสบ คือ 2-3 วันแรกเราแทบจะไม่สามารถใช้งานได้เลย จนต้องตัดสินใจเปิดโรมมิ่งซิมมือถือ เพื่อส่งไลน์แจ้งผู้ให้บริการไวไฟแก้ไขปัญหา หลังจากนั้นจึงสามารถใช้ ไวไฟได้ แต่ก็กระท่อนกระแท่น ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง แม้ว่าทุกโรงแรมจะสามารถใช้ไวไฟได้ แต่เราก็ไม่สามารถใช้แอป ไลน์ ไฟสบุ๊ค ได้เพราะจีนบล๊อคไม่ให้ใช้ แต่ก็ยังพอเช็คเมลล์ได้บ้าง
หลังจากผ่าน ตม. ซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก เรารับกระเป๋าออกมาด้านนอกแล้ว ก็ตรงดิ่งไปยังประตู 3 เดินออกมาจะพบตู้เคาเตอร์สำหรับซื้อตั๋วรถ Shuttle bus ไปลงที่สถานีรถไฟคุนหมิง ค่าตั๋วคนละ 25 หยวน รถโล่งมากเค้าออกตามเวลาไม่รอคนเต็ม ใช้เวลาเดินทางเข้าเมืองมายังสถานีรถไฟประมาณ 1 ชม.
รถบัสมาส่งลงปลายทางที่หน้าโรงแรม Kunming Jinjiang ซึ่งเป็นโรงแรมที่เราจะพักในวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับไทย จากท่ารถเราต้องเข็นกระเป็นเดินไปยังสถานีรถไฟที่เห็นอยู่ลิบๆ ประมาณ 400 เมตร
เราจองรถไฟตู้นอนไว้ เวลา 21.30 น. แต่เราต้องนำใบจองไปขึ้นตั๋วรถให้เรียบร้อยก่อนที่ช่อง 8 แต่เราพลาดตรงที่มีสมาชิกคนนึ่งเปลี่ยนเล่มพาสปอร์ตใหม่ เลขไม่ตรงกับใบจอง จากเวลาที่ควรจะเสร็จใน 15 นาที เลยล่าช้าเป็นชัวโมง เพราะเราต้องยกเลิกตั๋วเดิม และซื้อตั๋วใหม่ ที่สำคัญคือเราไม่ได้เงินคืนในทันที เจ้าหน้าที่บอกว่าจะคืนเข้าในบัตรเครดิตให้ภายหลัง และเราต้องจ่ายเงินซื้อตั๋วใหม่ และไม่ได้ที่เดิม การพูดคุยก็คุยกันไม่รู้เรื่องต้องใช้แอปแปลภาษา และปัญหาไวไฟใช้งานไม่ได้ ทำให้เราติดขัดในการดึงหาข้อมูลหรือติดต่อเอเจนที่รับจองตั๋วที่เราติดต่อ เลยต้องปล่อยเลยตามเลยจ่ายเงินซื้อตั๋วใหม่
แต่เราก็ไม่ได้ติดใจ การเดินทางด้วยตนเองเราต้องเตรียมใจรับปัญหาต่างที่จะพบเจอ อย่าให้ความหงุดหงิดทำลายบรรยากาศการเดินทาง แก้ปัญหาจบแล้วก็หาอาหารเย็นทานระหว่างรอเวลาขึ้นรถไฟ สนุกสนานกับการสั่งอาหารที่ไม่รู้เรื่องทั้งคนสั่งและคนขาย ต้องดูรูปชี้รูปจ่ายเงิน เป็นประสบการณ์ที่วุ่นวายสนุกสนานไปอีกแบบ
อ่ิ่มกันเรีบร้อยแล้วเราก็เดินลากกระเป๋ามายังช่องทางเข้า เจ้าหน้าที่เข้มงวดในการเข้าออกอย่างมาก เพราะเมื่อ 2-3 ปีก่อนมี พวกคลั่งเชื่อชาตินัยว่าเป็นพวกอุยกรูหรือพวกจีนมุสลิม ถือมีดไล่แทงผู้คนในสถานีรถไฟที่กำลังพลุ่นพล่าน ทำให้มีคนตายหลายคน หลังจากนั้นเลยมีมาตรการเข้มงวดอย่างนี้ ผ่านการตรวจที่เข้มงวดต้องสแกนกระเป๋าเหมือนเข้าสนามบิน ตรวจตั๋วและพาสปอร์ต
เข้ามาเรียบร้อยแล้วก็ดูป้ายช่องเลขรถที่เราจะขึ้น และไปนั่งรอ ยังพอมีเวลาให้เราไปเข้าห้องน้ำแปรงฟัน ล้างหน้า ให้เรียบร้อย และก่อนเวลารถออก 30 นาที เจ้าหน้าที่ก็เปิดประตูทางเข้าให้ขึ้นรถไฟได้
เราจองตู้นอนแบบเตียง 2 ชั้น ห้องละ 4 เตียง หลังจากเจรจาขอเปลี่ยนที่นอนกับคนที่มาแซมในห้องเรา ซืึ่งก็ได้รับความร่วมมือด้วยดี เราก็ได้อยู่ห้องเดียวกัน ดึกแล้วก็แยกย้ายกันเข้าที่นอน รถไฟใช้ระบบไฟฟ้าวิ่งเงียบ แต่เนื่องจากต้องวิ่งไต่ความสูงจากระดับ 1800 เมตร ไปยังความสูงที่ 3000 เมตร รถไฟจึงแกว่งไปแกว่งมา ทำให้สมาชิกบางคนที่หลับยากน่าจะมีปัญหาในการนอน
ประมาณก่อนตีห้า รถไฟก็ถึงสถานีรถไฟลี่เจียง เจ้าหน้าที่จะเดินมาเคาะประตูเรียกให้ทุกคนตื่น
ในที่สุดเราก็เดินทางถึงลี่เจียง โปรดติดตามในตอนต่อไปได้ที่นี่
https://somersetmghm.blogspot.com/2017/12/kunming-dali-lijiang-shangrila-3.html
ย้อนหลังดูการเตรียมการเดินทาง
https://somersetmghm.blogspot.com/2017/12/kunming-dali-lijiang-shangrila.html
No comments:
Post a Comment
ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......