Sunday, 3 December 2017

Kunming-Dali-Lijiang-Shangrila (1)

4-12 Nov 2017

เตรียมตัวเดินทางไป Shangrila "The Lost Horizon"




ถ้าใครเคยเข้ามาอ่านบทความในบล๊อกนี้ จะเห็นว่าเราไปมาแล้วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ใกล้ไกล ไปมาทั่ว แต่เมืองจีนยูนานติดๆกับภาคเหนือของไทยแค่นี้ ทำไมพึ่งจะคิดจะไปเที่ยว


คำตอบก็คือ เมือสักยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา เคยไปเมืองจีนครั้งแรกมาแล้ว คือไปเซี่ยงไฮ้ หังโจว ซูโจว คือไปช่วงแรกๆที่จีนเริ่มเปิดประเทศ พัฒนาประเทศให้เท่าเทียมกับอารายประเทศอย่างเร่งรีบ เมืองเซี่ยงไฮ้มีความเจริญอย่างก้าวกระโดด ตึกรามบ้านช่องผุดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่.....วิถีชีวิตของพลเมือง กลับพัฒนาไม่ทัน คนจีนตอนนั้นยังเคยชินกับความยากแค้น และยากไร้ ชีวิตที่ต้องดิ้นรน ไขว่คว้าแบบตัวใครตัวมัน มารยาทต่างๆซุกเก็บไว้ในหีบ เราจึงพบเห็นแต่ความกระด้าง ไม่มีน้ำใจ และแย่งชิงทุกสิ่งอย่าง การเข้าแถวเข้าคิวไม่มี ห้องน้ำห้องส้วมสกปรกเหม็นมากทนเข้าไม่ได้ ยกเว้นตามโรงแรมใหญ่ๆ ต้องทนอั้นกันเต็มกลั้น


นี่จึงเป็นเหตุผลที่ตั้งแต่นั้นมา ใครชวนไปเมืองจีน จะรีบปฏิเสธทันที


แต่..... เมือไม่นานมานี้ ต้นปี2560ที่ผ่านมา มีเหตุทางด้านการงานที่ต้องไปดูสินค้าพรีเมี่ยมที่เมืองกวางโจว ได้พบเห็นการพัฒนาของบ้านเมืองตึกสูงผุดขึ้นมากมาย และ วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป มีความเคารพกฎระเบียบ ห้องน้ำห้องส้วมได้รับการพัฒนา ไม่ต่างจากบ้านเรา ทำให้ทลายกำแพงความคิดเกี่ยวกับเมืองจีนในจิตใจอย่างราบคาบ





เมื่อบ้านเมืองเค้าพัฒนาไปแล้ว พร้อมๆกับผู้คนก็ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี ห้องน้ำห้องส้วมก็ไม่ได้เลวร้ายเหมือนเมื่อก่อน อย่ากระนั้นเลย... หาทางไปเยือนจีนดีกว่า


ดังนั้นที่แรกที่เคยอยากไปนานมาแล้ว คือ ลี่เจียง แชงกรีล่า ในมณฑลยูนาน จึงเป็นจุดหมายแรกเลยสำหรับการ ไปเยือนจีนแบบสไตล์แบ๊คแพ๊ค



ถูกต้องค่ะ .... สไตล์แบ๊คแพ๊คจริงๆ



ปัญหาคือ คนจีนในแถบยูนานนี้ เค้าสื่อสารกันด้วยภาษาจีน ซึ่งเราพูดและฟังภาษาจีนไม่รู้เรื่อง พอๆกับคนจีนที่นี่ส่วนใหญ่ก็ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษทั้งภาษาพูดและภาษาเขียนเช่นกัน เราจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี ?


จากการเข้าไปตะลุยอ่าน บันทึกการเดินทางจากเน็ตและในพันทิป พบว่า นักเดินทางที่เดินทางเองไม่ได้ไปกับทัวร์ ส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ภาษาจีน แต่เค้าก็สามารถเดินทางไปเที่ยวแถบนี้ได้อย่างประสบความสำเร็จ และ มีความสุขกับการเดินทาง สื่อสารกับผู้คนทางแถบยูนานถึงจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการสื่อสารกันด้วยภาษาสากล คือภาษามือ เพียงแต่อาจต้องมีการเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทางให้มากกว่าปกติกันหน่อย  เช่น เตรียมข้อมูลสถานที่ต่างๆให้พร้อม พิมพ์ภาพและชื่อภาษาจีนให้พร้อม แผนที่เดินทาง Google map , ข้อความภาษาจีนที่คิดว่าจำเป็นต้องใช้ เช่นถามทาง ซื้อของ หรือทานอาหาร เป็นต้น


แล้วเราควรเตรียมตัวอะไรบ้าง ?

สิ่งแรกคือ จัดแผนการเดินทางก่อนว่าจะไปไหนบ้าง และไปช่วงเวลาไหน

จากการศึกษาเส้นทางและสภาพอากาศแล้ว
  • คุนหมิง อากาศเย็นสบายตลอดปี ไม่หนาวจัด ไม่ร้อนจัด สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ ๑๘๐๐ เมตร
  • ต้าลี่ อากาศค่อนข้างเย็น สูงกว่าระดับน้ำทะเล ๒๐๐๐ กว่าเมตร
  • ลี่เจียง อากาศจะเย็นและหนาวในบางพื้นที่ สูงกว่าระดับน้ำทะเล ๒๔๐๐ เมตร ระดับใกล้เคียงดอยอินทนนท์ และบนยอดเขาหิมะมังกรหยก สูงกว่าระดับน้ำทะเล ๕๔๐๐ เมตร ซึ่งเป็นระดับความสูงที่อาจทำให้เกิดอาการ Attitude Sickness และหนาวมาก
  • แชงกรีล่า อากาศจะหนาวและหนาวมากในหน้าหนาว สูงกว่าระดับน้ำทะเล ๓๐๐๐ เมตร ซึ่งเป็นระดับความสูงที่อาจทำให้เกิดอาการ Attitude Sickness เช่นกัน
ดังนั้นช่วงเวลาหน้าหนาว คือ ธค.-มีค. จึงมิควรเลือกไปแข็งตายที่นี่ในช่วงนั้น

ช่วงเวลาที่เราเลือก คือช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงเดือน ตุลาคม-ต้นพฤศจิกายน แต่เดือนตุลาคม ปีนี้ ยังไงเราก็ต้องอยู่เมืองไทย เพื่อทำหน้าที่ของคนไทย คือร่วมในพระราชพิธีถวายพระเพลิงแด่ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่๙ อันเป็นที่รักยิ่งของคนไทยทุกคน ในวันที่ 26 ตุลาคม ฉะนั้นช่วงที่เราเลือกไปคือ ต้นเดือน 4-12 พย. รวม 9 วัน


และไปไหนบ้าง?

คิดไว้คร่าวๆดังนี้

4 Nov - Bangkok-Kunming-Lijiang
5 Nov - Lijiang
6 Nov - Lijiang-Shangrila
7 Nov - Shangrila
8 Nov - Shangrila-Lijiang
9 Nov - Lijiang-Dali
10 Nov - Dali-Kunming
11 Nov - Kunming
12 Nov - Kunming-Bangkok


ขั้นตอนต่อไป คือ การจองตั๋วเครื่องบิน ตอนแรกตั้งใจไปกับน้องชายและน้องสะใภ้และเพื่อน้องสะใภ้ รวม 4 คน เท่านั้น แต่พอเพื่อนฝูงรู้ก็ขอร่วมทริปไปด้วยอีก 7 คน รวมเป็น 11 คน จากกลุ่มเล็กๆก็กลายเป็นกลุ่มใหญ่ทันที เราจองตั๋วเครื่องบินของการบินไทย ได้ราคาพิเศษโปรโมชั่น คือ 7,580 บาท ดีเลิศประเสริฐศรีเลย ไม่รอลุ้นโปรของสายการบินอื่นแล้ว จองการบินไทยนี่เลย


ขั้นตอนต่อไป คือ จองที่พัก ความยากคือเรายังไม่รู้ว่าจะไปไหนบ้างในเมืองนั้นๆมีอะไรให้เราเที่ยวชมบ้าง การจองที่พักควรจองใกล้แหล่งเที่ยว หรือ ชุมชน หรือใกล้ถนนหรือท่ารถป้ายรถเมลล์ ที่จะสะดวกในการเดินทางภายในเมือง และไม่เปลืองค่าแท๊กซี่มากนัก และก็ถึงเวลาเปิดเน็ตหาข้อมูลสถานที่เที่ยวและรีวิวการเดินทางของนักเดินทางที่เคยเดินทางแล้วมาโพสบนพันทิปแบ่งปันข้อมูล ซึ่งนับว่ามีประโยชน์อย่างมหาศาล เราอ่านข้อมูลต่างๆพร้อมๆกับไล่ดูแผนที่บน Google map ดูที่ตั้งเมืองหรือที่พักหรือจุดเที่ยวต่างๆ ท่ารถ ป้ายรถเมลล์ เปรียบเทียบระยะทางใกล้ไกล เพื่อกำหนดเวลาการเดินทางและจุดเที่ยวในแต่ละจุด

จากนั้นก็เข้าไปจองที่พัก เราเลือกจองที่พักบน Booking.com เพราะสามารถจองโดยไม่ต้องจ่ายเงินล่วงหน้า และสามารถยกเลิกการจองก่อนการเดินทางได้ตลอดเวลา เลือกดูภาพสภาพห้องพัก สถานที่ตั้ง และคอมเม้นท์ต่างๆของคนที่เคยพัก หลังจากจองและยกเลิกเปลี่ยนที่กลับไปกลับมาหลายรอบ ก็ได้ที่พักที่น่าจะเหมาะสมที่สุด เราเลือกราคาไม่แพงหรือไม่ถูกจนเกินไปนัก อยากได้ที่พักที่ดูดีสะดวกกับการเดินทาง โดยเฉพาะรถจอดถึงที่เพราะคณะเรามีผู้สูงอายุหลายคน จึงหลีกเลื่ยงการเดินลากกระเป๋าแบกกระเป๋าไกลๆ หรือเกสเฮ้าส์แบบใช้ห้องน้ำรวม ที่สุดได้ดังนี้

Lijiang(5 Nov) : Lijiang Sheepherder Hotel เลือกห้องที่เห็นวิวเมืองเก่าและภูเขาหิมะ ราคาคืนละ 198 หยวน หรือ 982.38 บาท เราเลือกที่นี่ด้วยเหตุผลแรกคือ วิวเมืองเก่าและภูเขาหิมะ ,ราคาถูกกว่าที่พักในเมืองเก่า และที่สำคัญคือ รถจอดถึงหน้าโรงแรม แม้ตัวโรงแรมจะอยู่นอกเมืองเก่า แต่เมือดูราคาแล้วเรามาใช้บริการรถแท๊กซี่ยังคุ้มกว่า หวังว่าเราจะตัดสินใจได้ถูก คอยดูวันจริงว่าจะเป็นอย่างที่หวังไม๊ แต่แค่วิวเมืองและภูเขาหิมะก็น่าจะคุ้มแล้ว
  
Shangrila (6-7 Nov) : Home Away From Home เลือกที่นี่เลือกยากเพราะราคาที่พักแกว่งมาก คือแพงก็แพงไปเลย และถูกก็ถูกไปเลย เราตั้งธงไว้ก่อนว่า อยากได้ที่พักที่มีบรรยากาศของจีนหรือทิเบต รถถึงหรือเดินใกล้ที่สุด อยู่ใกล้เมืองเก่าหรือวัดต้าฝอ ราคาไม่โดดมาก อ่านจากรีวิวบอกว่าอาหารเช้าอร่อยมาก และเจ้าของพูดอังกฤษได้คงช่วยเราได้บ้างในเรื่องเช่ารถหรือสถานที่เที่ยว ราคาที่พัก 2 คืน ห้องละ 2,599.67 บาท หรือ 519 หยวน
  
Lijiang (8 Nov) : Lijiang Lize Graceland Merry Innลือกที่นี่เพราะอยู่ตรงแลนด์มาร์คกังหันน้ำ รถเข้าถึง เดินไปสระน้ำมังกรดำไม่ไกล สมาชิกสามารถทิ้งกันได้ สมาชิกเลือกจะเดินเที่ยวหรือพักได้ตามอัธยาศัย ราคาคืนละ 1,640 บาท หรือ 328 หยวน
  
Dali (9 Nov) : Dali Yunxi Boutique Inn ที่นี่ดูภาพจากเน็ตแล้วดูเรียบหรู สงบดี และคะแนนรีวิวสูงมาก เพียงแต่อยู่ไกลจากถนนคนเดินค่อนข้างมาก ที่จริงดูไว้อีกที่อยู่ติดถนนคนเดินเลย แต่ไม่มีคะแนนรีวิวเลย ไม่รู้ว่าเปิดใหม่หรือยังไง หลังจากปรึกษาสมาชิกแล้ว ทุกคนให้เลือกที่มีคะแนนรีวิวไว้ก่อนจะได้ไม่ผิดหวังเมื่อไปจริง และถ้าจะมาถนนคนเดินถ้าขี้เกียจเดิน ก็นั่งรถเมลล์ที่ป้ายอยู่ไม่ไกลนัก ราคาคืนละ 1,255.67 บาท หรือ 251 หยวน
 
Kunming (11 Nov) : Kunming JinJiang Hotel โรงแรมนี้อยู่ใกล้สถานีรถไฟ สะดวกสำหรับการเดินทางกลับจากต้าลี่ เดินมาที่พักได้เลย และติดกับท่ารถบัสไปสนามบิน ราคาคืนละ 1,458 บาท หรือ 290 หยวน
  
ส่วนคืนวันที่4 เป็นการเดินทางจากคุนหมิงไปลี่เจียงโดยรถไฟตู้นอน และ คืนวันที่10 ก็เดินทางกลับจากต้าลี่มา คุนหมิงโดยรถไฟตู้นอนเช่นเดียวกัน (หลังจากอ่านรีวิวแล้ว ไม่เลือกเดินทางโดยรถบัสนอน เพราะไม่อยากสูดควันบุหรี่บนรถ และ กลัวเสียเวลาหากเจอการปิดถนนซ่อมถนน และ ใช้เวลาเดินทางเท่ากัน รถไฟน่าจะนอนหลับได้ดีกว่ารถบัส) แต่ราคารถไฟตู้นอนจะแพงกว่าบัสนอน


สำหรับการเดินทางเมื่อถึงลี่เจียงแล้ว เราสามารถไปหารถแท๊กซี่เช่าเหมาทั้งวันที่หน้าสถานีรถไฟลี่เจียง ราคาเท่าที่ตามหาอ่านในเน็ต ประมาณวันละ 300 หยวน และการเดินทางระหว่างเมืองเราสามารถใช้รถบัสวิ่งระหว่างเมืองได้

โปรแกรมการเดินทาง




Shangrila  เซี่ยง เกอ หลี่ ล่า (Xianggelila)
จงเตี้ยน (แชงกรีล่า) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนาน เขตปกครองพิเศษของชาวธิเบตตี๋ชิ้ง บนที่ราบในวงล้อมของขุนเขา ลักษณะภูมิประเทศของจงเตี้ยน เป็นที่ราบทุ่งหญ้า มีภูเขาล้อมรอบ คำว่า"จง" นั้นหมายถึงศูนย์กลาง หรือสิ่งที่กว้างใหญ่อันเป็นศูนย์กลาง ส่วน"เตี้ยน" นอกจากจะแปลว่าทุ่งหญ้าแล้ว ยังอาจแปลว่า อาณาจักร ได้ด้วย
ในปีพ.ศ. 2545 รัฐบาลจีนได้เปลี่ยนชื่อเมืองจงเตี้ยน (อีกครั้ง จากเดิมที่มีชื่อในภาษาธิเบตว่า เจี้ยนถัง) เป็น"แชงกริ-ล่า" ภาษาจีนออกเสียงว่า "เซียงเกอ หลี ลา xiang Ge Le La แปลว่า ที่ซึ่งสุริยันจันทราประทับในดวงจิต
เมืองจงเตี้ยน เป็นถิ่นฐานของชาวทิเบต ซึ่งตามชานเมืองยังคงรักษาเอกลักษณ์ของบ้านที่ก่อดินขึ้นเป็นตึกสี่เหลี่ยม แต่งด้วยไม้ซุงขนาดใหญ่ ผู้คนยังแต่งกายพื้นเมือง
แชงกรีล่า การเดินทางไปสู่แชงกรีล่านั้นต้องเดินทางไต่ไหล่เขาไปเรื่อยๆ ใช้เวลานานพอสมควร ไม่ต่างอะไรกับดินแดนในฝัน โดยชื่อแชงกรีลานั้นมาจากภาษาธิเบต หมายถึง หนทางนำไปสู่ดวงตะวันและดวงจันทร์โดยดวงจิต และแปลอีกความหมายหนึ่งว่า ดินแดนอีกด้านหนึ่งของโลกหรือแดนสวรรค์บนโลก

การเดินทางไปสู่แชงกรีล่านั้นต้องเดินทางไต่ไหล่เขาไปเรื่อยๆ ใช้เวลานานพอสมควร ไม่ต่างอะไรกับดินแดนในฝัน โดยชื่อแชงกรีลานั้นมาจากภาษาธิเบต หมายถึง หนทางนำไปสู่ดวงตะวันและดวงจันทร์โดยดวงจิต และแปลอีกความหมายหนึ่งว่า ดินแดนอีกด้านหนึ่งของโลกหรือแดนสวรรค์บนโลก

เขตอนุรักษ์ธรรมชาติย่าดิง (Yading) หรือที่เรียกขานกันว่า “หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน” จากจงเตี้ยน ต้องผ่านเส้นทางเซียงเฉิง-ต่าวเฉิง ห่างจากเมืองต่าวเฉิงประมาณ 100 กิโลเมตร สูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 3,960 เมตร มหัศจรรย์ใจกับการชมผืนป่าที่มีใบไม้เปลี่ยนสี ผืนหญ้าเต็มไปด้วยดอกไม้ป่าสดสวย ลำธารใสไหลเย็น และภูเขาหิมะขาวโพลน ธารน้ำแข็งบนโตรกผาแม่น้ำแยงซีที่สูงที่สุดในโลก โดยกระนั่งกระเช้าไฟฟ้าเดินนทางเพื่อชื่นชมทัศนียภาพอันสวยงาม

โค้งแรกแม่น้ำแยงซีเกียง (Changjiangdiyiwan) อยู่ห่างจากเมืองลี่เจียง 53 กิโลเมตร ระหว่างทางลี่เจียง-จงเตี้ยน แม่น้ำแยงซี (หรือที่คนจีนเรียกว่า แม่น้ำฉางเจียง) ที่ไหลลงมาจากที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต มากระทบกับภูเขาไห่หลอ ทำให้ทิศทางของแม่น้ำหักโค้งไปทางทิตะวันออกเฉียงเหนือ จนเกิดเป็นโค้งน้ำที่สวยงาม แม่น้ำแยงซีที่ไหลผ่านเมืองลี่เจียงช่วงนี้มีชื่อว่า จินซา หรือเรียกเต็มๆว่า จินซาเจียง แปลว่าแม่น้ำทรายทอง จุดนี้เองที่แม่น้ำได้หักโค้งข้อศอกเป็นโค้งแรก ทำให้ไหลแยกจากแม่น้ำสาละวินและแม่น้ำโขง ไปทางทิศตะวันออก ก่อให้เกิดอารยธรรมจีนที่ยิ่งใหญ่เมื่อหลายพันปีมาแล้ว กล่าวกันว่าถ้าไม่มีโค้งนี้ก็อาจไม่มีอารยธรรมจีนอันเกรียงไกร อีกทั้งจุดนี้ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ขบวนทัพของขงเบ้ง และกองทัพกุบไลข่าน ใช้เป็นจุดข้ามแม่น้ำแยงซีไปทำศึก และเหมาเจ๋อตงเดินทัพทางไกล หนีการล้อมปราบของพวกก๊กมินตั๋ง

ช่องแคบเสือกระโจน (Hutiaoxia) ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างทางแยกของเมืองลี่เจียงและเมืองจงเตี้ยน เป็นหุบเขาในช่วงที่แม่น้ำแยงซีไหลลงมาจากจินซาเจียง (แม่น้ำทรายทอง) น้ำบริเวณนี้ไหลเชี่ยวมาก ช่วงที่แคบที่สุดมีความกว้างเพียง 30 เมตร ตามตำนานเล่าว่า ในอดีตช่องแคบนี้มีเสือกระโดดข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามได้ เนื่องจากกลางแม่น้ำบริเวณนี้มีหินที่เรียกว่า “หินเสือกระโดด” ซึ่งก้อนหินมีความสูงกว่า 13 เมตร จึงเป็นที่มาของชื่อ “ช่องแคบเสือกระโจน” ช่องเขาเสือกระโจนเป็นหนึ่งในหุบเขาเหนือแม่น้ำที่ลึกที่สุดในโลก ผู้อยู่อาศัยในบริเวณนี้มีจำนวนเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่เป็นชนพื้นเมืองชาวหน่าซี โดยจะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆบริเวณใกล้เคียง และหาเลี้ยงชีพโดยการเพาะปลูกและรับจ้างนำทางคนต่างถิ่น

วัด ซงจ้านหลินซือ หรือ วัด กุ้ยหยวน  มีรูปแบบเหมือนพระราชวังโปตาลา  แห่งกรุงลาซาในทิเบต   จึงเรียกกันว่า วัดโปตาลาน้อย สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 17 ก่อนถูกทำลายในทศวรรษที่ 1950 และสร้างใหม่ ในสมัยองค์ดาไลลามะที่ 5 ในปี ค.ศ. 1679 ใช้เวลาสร้าง 3 ปี   เมื่อมองขึ้นไปจะเห็นความอลังการของวัด โดดเด่นอยู่บนเขา แวดล้อมด้วยกุฏิเก่าแก่ลดหลั่นมาตามเชิงเขาหลายร้อยหลัง  สถาปัตยกรรมหอกลางมีลักษณะคล้ายพระราชวังโปตะลาที่กรุงลาซา มีพระลามะอยู่หลายร้อยรูป โดยเฉพาะในเทศกาล วัดแบบทิเบตใหญ่ที่สุดในยูนนาน วิหารใหญ่สูงสี่ชั้น ชั้นล่างมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเล่าถึงตำนานของทิเบตและแสดงภาพแผนภูมิจักรวาล ถ้าไปตอนเช้า 9 โมงเช้า จะพบพระลามะจำนวนมากออกมาสวดมนต์  การเดินทาง นั่งรถเมลล์สาย 3 ด้านหลังประตูเมืองมาสุดทาง(อยู่ห่างมาทางเหนือ 5 กิโลเมตร) และต้องนั่งรถ shuttle bus พาไปส่งด้านในอีกที

ห้องโถงภายในมีต้นเสาไม้ขนาดใหญ่ 108 ต้น รองรับพระทำพิธีสวดมนต์ได้มากกว่า 1,600 รูป บนผนังใช้เก็บคัมภีร์ มีภาพองค์ปันเชนลามะที่ 11 ที่เคยมาปฏิบัติธรรม พระประธานทำด้วยทองเหลืองด้านหน้ามีดวงไฟประทีปในถ้วยเล็กๆ ภายในบรรจุเนยจากไขมันวัว หรือ “ซูโหยว” ไว้ ชาวทิเบตเชื่อว่าแสงสว่าจากซูโหยวนี้จะช่วยส่องแสงสว่างให้กับผู้ล่วงลับไปแล้วได้ขึ้นสรวงสวรรค์ ด้านข้างมีรูปเคารพของหญิงเหวินเฉิง พระธิดาของจักรพรรดิถังไท่จง อภิเษกกับกษัตริย์ชงเชน กัมโปแห่งทูฟาน หรือทิเบตที่นครลาซาเมื่อ 1,300 ปีก่อน อีกด้านเป็นเจดีย์สีทอง ภายในบรรจุอัฐิอดีตเจ้าอาวาส นามว่า”พระเคอซื่อ” ผู้เป็นศูนย์รวมทางศาสนา และการพัฒนาท้องถิ่น ห้องด้านหลังจะมีพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ 3 องค์  องค์ซ้าย “พระจงคาปา” ผู้นำนิกายหมวกเหลือง องค์กลาง “พระหมีเล่อ” พระยิ้มเชื่อว่าเป็นพระพุทธเจ้าจุติมาเกิด และองค์ขวา “องค์ดาไลลามะที่ 7 ที่เคยมาศึกษาพระธรรมที่นี่ ผนังรอบด้านประดับด้วยทังคา หรือภาพเขียนสีบนผืนผ้าใบ เป็นรูปโพธิสัตว์ในปางต่างๆ
วัดซงจ้านหลินมีชื่อเรียกอีกคือ วัดกุ้ยหัว (Guihua Monastery) วิหารใหญ่ตรงกลางล้อมรอบด้วยวิหารเล็ก 8 ทิศ เหมือนกับดอกบัวแปดกลีบเป็นสถานที่เก็บสมบัติมากมายรวมทั้งพระคัมภีร์ทิเบตโบราณ พระพุทธรูปทองคำ ตะเกียงทอง ฯลฯ ซึ่งทุกชิ้นล้วนเป็นของมีค่าที่ไม่สามารถหามาทดแทนได้
ทางวัดมีกฏที่เข้มงวดโดยปกติแล้วทางจะไม่อนุญาตให้มีการถ่ายภาพด้านในเพราะแสงแฟลชอาจส่งผลต่อภาพหรือสีภายในวิหารที่ได้มาจากธรรมชาติ และหากอนุญาตให้ถ่ายภาพได้ก็จะยิ่งยากแก่การควบคุมนักท่องเที่ยวรายอื่น ส่วนช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปเยือนวัดซงจ้านหลินคือช่วงฤดูร้อน

วัดต้าฝอ” อยู่บนภูเขาเตี้ย ๆ เป็นวัดทิเบตขนาดเล็กคู่เมืองจงเตี้ยน    ในโบสถ์มีพระพุทธขนาดใหญ่มีรูปทรงปางทิเบตสวยงามมาก   โดยรอบมีลูกหมุนคัมภีร์แขวนเรียงราย   ถัดไปนอกระเบียง มีลูกหมุนคัมภีร์ขนาดใหญ่มหึมา ได้ชื่อว่าเป็นลูกหมุนคัมภีร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก 
ศูนย์อนุรักษ์ธรรมชาตินาพาไห่ เป็นบึงที่มีน้ำสลับกับแล้งตามฤดูกาล น้ำมากในช่วงมรสุม เป็นจุดดูนกที่สำคัญ เป็นแหล่งอพยพของนกกระเรียนคอดำที่หาดูได้ยาก ภายในศูนย์ฯยังมีม้าให้เช่าขี่ชมดอกไม้ป่าและฝูงจามรี

Shika Snow Mountain (หรือเรียกว่า Blue Moon Valley แต่คนไทยมักจะเรียกว่า หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน) ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 4,500 เมตร การขึ้นไปบนยอดเขาที่มีระดับความสูงมากๆ  มีโอกาสที่จะเกิดอาการ Altitude Sickness หรือเรียกว่า อาการแพ้ความสูง ได้  ให้กินยา Diamox กันไว้ก็พอช่วยได้ (สามารถหาซื้อได้ที่ไทย) หรือไม่ก็สมุนไพรจีนที่เรียกว่า หงจิ่นเทียน (อันนี้ต้องซื้อที่จีนเท่านั้น) หรือซื้อออกซิเจนกระป๋อง จะช่วยทำให้เราหายใจสะดวกมากขึ้น ในยามที่อากาศเบาบาง ค่าแท๊กซี่ไปกลับ 30 หยวนต่อคน  บัตรค่าเข้า Shika Snow Mountain คนละ 220 หยวน
หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน(Blue Moon Valley) เป็นสถานที่ซึ่งมีหิมะปกคลุมเกือบตลอดปี จึงมีชื่อเรียกอีกว่า.. ภูเขาหิมะสือข่า (Shika Snow Mountain) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของ แชงกรี-ล่า  เชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เป็นหุบเขาที่มีทัศนียภาพงดงามมาก ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งสวรรค์บนดิน สะกดทุกสายตาของผู้มาเยือน นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางขึ้นสู่ยอดสูงสุดของ หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน ได้โดยการนั่งกระเช้า ซึ่งแบ่งเป็น 2 ช่วง

.. จุดแรกคือ ศูนย์ท่องเที่ยว หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน และเปลี่ยนกระเช้าต่อไปยัง จุดบนสุดของ หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน เป็นจุดชมวิว แบบ 360 องศา ที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง

อุทยานแห่งชาติ Pu da cuo – “พูต้าซัว”
แนะนำให้ขึ้นรถของอุทยานแห่งชาติพูต้าซัว ซึ่งมีวันละ 2 รอบ (รถออกจากจงเตี้ยน-รถออกจากพูต้าซัว) คือ
รอบแรก : 9.00 – 15.00 น.
รอบสอง : 9.30 – 15.30 น.
ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
เจ้าหน้าที่โรงแรมเขียนกระดาษให้เราเพื่อยื่นให้กับคนแถวท่ารถ
ค่ารถเพียง 30 CNY ค่าเข้าอุทยทานอีก 258 CNY
รวมจ่ายทีเดียวที่อาคารขายตั๋วก่อนขึ้นรถ 288 CNY สถานที่ขึ้นรถ ลานจอดรถแถวหน้าวัดต้าฝอ จากหน้าลาน ข้ามสะพานเล็กๆ
มายังลานที่มีรถจอด ด้านซ้ายมือจะเห็นอาคารขายตั๋ว เข้าไปซื้อตั๋วเลยครับ  เค้าจะให้เราระบุเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ตามเราขึ้นรถกลับ
แต่ผมไม่มี ไม่ได้ใส่ไว้ ผมข้ามสะพานมาแล้ว อาคารขายตั๋วซ้ายมือๆ

Lijiang
ป้ายรถเมล์ทางเข้าเมืองเก่าฝั่งกังหันน้ำคือ Gu Cheng Kou
ลี่เจียง เมืองมรดกโลก
ลี่เจียง เป็นเมืองที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชนเผ่านาซี ซึ่งอพยพมาจากทิเบต เผ่านาซีอยู่ในสังคมที่มีผู้หญิงเป็นใหญ่ ที่เมืองลี่เจียงถ้าท้องฟ้าแจ่มใส จะมองเห็นภูเขาหิมะมังกรหยกทั้ง 13 ยอด และเงาของภูเขาหิมะจะสะท้อนลงบนสระน้ำมังกรดำ ถือว่าเป็นภาพที่สวยที่สุดในลี่เจียง และภาพนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวเมืองลี่เจียงอีกด้วย
เมืองลี่เจียง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนาน มีเขตแนวติดเทือกเขาทิเบตและเทือกเขายูนกุย เป็นเขตการปกครองที่ประกอบด้วยส่วนที่เป็นเขตเมืองและเขตชนบททางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน มีย่านเมืองเก่าลี่เจียงที่มีชื่อเสียงมาก ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า เมืองเก่าต้าเหยียน ย่านเมืองเก่าลี่เจียงมีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปได้มากกว่า 800 ปี และเคยเป็นจุดแลกเปลี่ยนค้าขายสินค้าตามเส้นทางสาย Tea Horse สายเก่า ย่านเมืองเก่านี้มีชื่อเสียงจากคูคลองและสะพานที่มีอยู่มากมาย จนได้รับการขนานนามว่า "เวนิสแห่งตะวันออก" 
สระน้ำมังกรดำ (Heillongtan, Black Dragon Pool) หรือที่รู้จักกันว่า สวนยู้วฉวน (Yuquan) ตั้งอยู่ในตัวเมืองลี่เจียง ห่างจากตัวเมืองเก่าลี่เจียงไปทางทิศเหนือประมาณ 1 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 11,390 ตารางเมตร สระน้ำมังกรดำมีจุดเด่นที่ความใสของน้ำที่ใสราวกับมรกต นอกจากนี้ ภายในสวนยังมีการสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ที่ผสมผสานวัฒนธรรมของชาวฮั่น ทิเบต และน่าซี ไว้ด้วยกัน
ภูเขาหิมะมังกรหยก หรือ อวี้หลงเซี่ยซาน ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเก่าลี่เจียง เป็นภูเขาสูงที่ตั้งตระหง่าน ซึ่งมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดทั้งปี ทิวเขาแห่งนี้ประกอบไปด้วยสภาพแวดล้อมต่างๆ ทั้งหุบห้วย ธารน้ำ แนวผา และทุ่งหญ้าน่าซี ทิวเขาแห่งนี้เมื่อมองจากระยะไกล จะเห็นเป็นลักษณะคล้ายมังกรกำลังเลื้อย สีขาวของหิมะที่ปกคลุมอยู่นั้นดูราวกับหยกขาว ที่ตัดกับสีน้ำเงินของท้องฟ้า คล้ายมังกรขาวบนฟากฟ้า ทิวเขาแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า ภูเขาหิมะมังกรหยก JADE DRAGON SNOW MOUNTAIN นักท่องเที่ยวสามารถนั่งกระเช้าไฟฟ้า ขึ้นสู่จุดชมวิวบนยอดเขาที่ความสูงกว่า 3,356 เมตร และสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 4,506 เมตร เพื่อชมวิวทิวทัศน์และธรรมชาติบนจุดที่สวยงามที่สุด ตลอดสองข้างทางที่ขึ้นยอดเขา ชื่นชมและดื่มด่ำกับความหนาวเย็นของธรรมชาติ อีกทั้งภูเขาหิมะมังกรหยกแห่งนี้ ยังเป็นที่มาของตำนาน ชนเผ่าน่าซี ที่อาศัยอยู่ในเขตที่ราบแถบนี้มานานนับพันปี ทิวเขาแห่งนี้มีพัมธุ์พืชปกคลุมอย่างหนาแน่น ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้ป่าจะผลิบานมีสีสันตระการตา ผู้คนจะพากันต้อนสัตว์เลี้ยง พวก แพะ แกะ และจามรีเพื่ออกมากินหญ้า

โชว์ IMPRESSION LIJIANG เป็นอีกหนึ่งผลงานโบว์แดงของผู้กำกับมือทอง จางอี้โหมว ซึ่งเป็นผลงานชิ้นที่สองต่อจากผลงานชิ้นแรกIMPRESSION LIU SAN JIE ที่เมืองหยางซั่วประสบความสำเร็จเวทีการแสดงถูกสร้างขึ้นบริเวณใกล้กับภูเขาหิมะมังกรหยกเหนือระดับน้ำทะเล 3,100 เมตร โดยใช้วิวจริงของภูเขาหิมะมังกรหยกเป็นฉากหลังประกอบการแสดง การแสดงในภาคนี้จะเป็นการสะท้อนเรื่องราวที่เกี่ยวโยงกับภูเขาหิมะมังกรหยก อันศักดิ์สิทธิ์ และประเพณีของชนกลุ่มน้อยของเมืองลี่เจียง ใช้ทีมนักแสดงชนกลุ่มน้อยพื้นเมืองกว่า 600 คน เป็นการแสดงสถานที่จริงสุดอลังการอีกชุดหนึ่งที่ผู้ไปเยือนเมืองลี่เจียงไม่ควรพลาด
ถ้าอยากได้มุมสวยๆ พยายามมาถึงเร็วๆ แล้วเลือกที่นั่งด้านบนครับ จะเห็นวิวภูเขาเป็นฉากหลังพอดี

อุทยานน้ำหยก (Jade Dragon Village) ตั้งอยู่ริมสายธารน้ำบริสุทธิ์ที่ไหลรินลงมาจากการละลายของหิมะบนภูเขาหิมะ มังกรหยก ซึ่งเป็นต้นชีวิตของชาวน่าซีที่อาศัยอยู่ในลี่เจียง ซึ่งในอุทยานน้ำหยกนี้จะมี บ่อน้ำผุดศักดิ์สิทธิ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวน่าซีอยู่ ด้วยกันกับ รูปสักการะของเทพเจ้าผู้คุ้มครองภูเขาหิมะมังกรหยก ตามความเชื่อในวัฒนธรรมตงปาของชาวน่าซีบริเวณอุทยานน้ำหยก สายน้ำได้ให้กำเนิดน้ำตกมังกร 3 ชั้น

เมืองเก่าซู่เหอ” (Shuhe ancient town) อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เมืองเก่าซู่เหอ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างจากเมืองลี่เจียง ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 4 กิโลเมตร เมืองเก่าซู่เหอ มีลักษณะบ้านพักคล้ายๆกับเมืองเก่าลี่เจียง เป็นส่วนประกอบสำคัญของเมืองโบราณลี่เจียง โดยเมืองเก่าซู่เหอนั้นเป็นหนึ่งในเขตเมืองเก่าของเมืองลี่เจียง( Lijiang) คำว่า ซู่เหอ ภาษา Naxi เรียกว่า Shaowu เนื่องจากด้านหลังของหมู่บ้านมีภูเขาJubao (มีความหมายว่ารวบรวมเงินทอง) จึงได้ตั้งชื่อหมู่บ้านโดยใช้ชื่อของภูเขา มีความหมายว่าหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ใต้ภูเขาสูง  เดินเที่ยวเมือง Shuhe ความสวยงามที่ห้ามพลาดเด็ดขาด เมืองเก่าที่มีองค์ประกอบแบบย้อนยุค ขี่ม้าชมเมือง ดูชาวนาซีสะพายตะกร้าลงมาจับจ่าย บ้างก็เดินลงมาขายของ ที่นี่ยังคงได้เห็นคนในพื้นที่ล้างผักจากแม่น้ำ รับรองว่าได้สัมผัสวิถีของคนเมืองแบบเต็ม ๆ

หากชอบถ่ายภาพ แนะนำให้หามุมสูงไว้ เพื่อที่จะได้ภาพหลังคาเก่าเรียงราย  ซึ่จะสวยงามมาก ๆ แถมเมืองนี้มักมีหนุ่มสาวแต่งกายประจำชาติ มาโพสท่าถ่ายรูป Pre weding กันอย่างสวยงาม ได้อารมณ์ย้อนยุคจริงๆ




Dali
ต้าหลี่ เป็นเมืองเอกของเขตปกครองตนเองชนชาติไป๋ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนานซึ่งเป็นมณฑลชายแดนทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ตั้งอยู่บนที่ราบสูงระหว่างเทือกเขาชางซานทางด้านตะวันตก และทะเลสาบเอ๋อไห่ทางด้านตะวันออก เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชาวไป๋และชาวอี้มาตั้งแต่สมัยโบราณ ปัจจุบันนี้ ต้าหลี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งจากในและต่างประเทศ ต้าหลี่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมที่สุดแห่งหนึ่งของมณฑลยูนนาน โดยมีชื่อเสียงมาจากแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และถนนนานาชาติ ซึ่งมีทั้งอาหารแบบตะวันตก ดนตรีสากล และผู้คนที่พูดภาษาอังกฤษ จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวต่างประเทศ
ต้าหลี่ เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรน่านเจ้า ซึ่งเป็นอาณาจักรของชาวไป๋ในราวศตวรรษที่ 8-9 ต่อมาได้เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรต้าหลี่ในปี พ.ศ. 1480 - 1796 และยังเป็นศูนย์กลางการเคลื่อนไหวของกลุ่มกบฏชาวจีนมุสลิม (จีนฮ่อ)ระหว่างปี พ.ศ. 2399 – 2406 ต้าหลี่ยังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นแหล่งผลิตหินอ่อนหลากหลายชนิด ซึ่งนำไปใช้ในการก่อสร้างและประดับตกแต่งอาคาร
เมืองโบราณต้าหลี่ สร้างขึ้นเมื่อกว่า 1,000 ปีก่อน ถึงแม้ได้ผ่านกาลเวลามาช้านาน แต่เมืองโบราณแห่งนี้ก็ยังคงอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวจะเห็นประตูเมืองทั้งด้านใต้และด้านเหนือที่มีสถาปัตยกรรมสอดรับกัน ตามสองฟากของถนนสายเก่าแก่มีบ้านโบราณปลูกสร้างไว้อย่างกระจัดกระจาย มีถนนสายเก่าแก่ที่ตัดผ่านตัวเมืองโบราณสายหนึ่งซึ่งทุกวันนี้ได้กลายเป็นถนนย่านการค้าที่เจริญคึกคัก ตามสองข้างถนนเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ มีพ่อค้าชาวชนชาติไป๋ที่แต่งชุดประจำชนชาติกำลังค้าขายสิ้นค้าพื้นเมืองต่างๆ เช่น หินอ่อนต้าหลี่ ผ้าพื้นเมืองและเครื่องเงิน เป็นต้น ภายในเมืองโบราณแห่งนี้ยังมีถนนเล็กๆสายหนึ่งจากทางทิศตะวันออกไปสู่ทางทิศตะวันตก ตามสองฟากของถนนสายนี้เต็มไปด้วยภัตตาคารอาหารจีนและอาหารตะวันตก ร้านกาแฟและร้านน้ำชาที่ประกอบการโดยชาวต่างชาติ ถนนสายนี้จึงขึ้นชื่อว่า "ถนนสายต่างชาติ" ถนนสายนี้มีกลิ่นอายของทั้งความเก่าแก่และความทันสมัยผสมผสานกันจึงสามารถดึงดูดชาวต่างประเทศจำนวนมากให้หลั่งใหลกันไปท่องเที่ยว ไม่ขาดสาย นับเป็นทัศนียภาพที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตน
วัดฉงเซิง  เจดีย์สามองค์ ในวัด "ฉงเซิ่ง" เจดีย์นี้ตั้งอยู่ห่างจากเมืองโบราณต้าหลี่ไปทางทิศเหนือประมาณ 1 กิโลเมตร บริเวณด้านหลังของเจดีย์เป็นภูเขาชังซานที่สูงสง่างาม และด้านหน้าเป็นทะเลสาบเอ๋อไห่ที่สวยงามกว้างใหญ่ เจดีย์สามองค์นี้มีสีขาวทั้งหมด เจดีย์องค์หลักมีชื่อว่าเจดีย์ "เชียนหลินถ่า" สูงประมาณ 70 เมตร มี 16 ชั้น ตามบริเวณสองข้างของเจดีย์องค์หลักมีเจดีย์ขนาดเล็กสร้างอยู่เคียงกันด้านละแห่ง เจดีย์สามองค์นี้มีรูปทรงที่สอดรับกลมกลืนกัน

เจดีย์หมู่ซานถ่า หรือเรียกกันว่า เจดีย์สามองค์ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมือง เป็นเจดีย์เก่าแก่อายุมากกว่า 1000 ปี สร้างในสมัยน่านเจ้า / ราชวงศ์ถัง  ตามตำนานคนในสมัยก่อนมีความเชื่อว่ามังกรเป็นต้นเหตุให้เมืองต้าหลี่น้ำท่วมเนื่องจากมาเล่นน้ำที่ทะเลสาบเอ๋อไห่ และเชื่อว่ามังกรกลัวพระเจดีย์กับนกอินทรี จึงได้มีการสร้างพระเจดีย์นี้ขึ้นมา นับได้ว่าเจดีย์สามองค์ที่วัดฉงเซิ่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองต้าหลี่  ล้อมรอบด้วยทิวเขาชางซานที่ปกคลุมด้วยเมฆหมอก ติดทะเลสาบเอ๋อไห่ที่กว้างสุดสายตา เปรียบเจดีย์เสมือนเป็นพู่กัน 3 ด้ามปักอยู่ตรงกลางระหว่างภูสูงและน้ำสวย องค์ประธานเจดีย์ชื่อว่า  เซียนสวินถ่า  มีความสูง 69 เมตร ทรงสี่เหลี่ยมมี 16 ชั้น แต่ละชั้นมีซุ้มทั้ง 4 ด้าน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป สร้างในราชวงศ์ถัง ยุคอาณาจักรน่านเจ้า (ประมาณปี ค.ศ. 824-839) ส่วนเจดีย์บริวารทั้ง 2 องค์ มีความสูง 43 เมตร เป็นเจดีย์ทรงกลวง 8 เหลี่ยม มี 10 ชั้น ภายนอกตกแต่งเป็นหอสูง มีมุม มีเสา เจดีย์บริวารสร้างในสมัยราชวงศ์ซ่ง อาณาจักรต้าหลี่ หลังเจดีย์องค์ประธานประมาณ 200 ปี

ทะเลสาบเอ๋อไห่ ซึ่งอยู่ด้านหน้าของเจดีย์สามองค์นั้นเป็นทะเลสาบน้ำจืดบนที่ราบสูง จึงได้สมญานามว่า "ไข่มุกบนที่ราบสูง" น้ำในทะเลสาบแห่งนี้ใสสะอาดจนสามารถมองเห็นถึงทัศนียภาพใต้น้ำ และมักจะมีหมอกควันลอยขึ้นเหนือทะเลสาบอันกว้างใหญ่นี้ ทำให้ทิวทัศน์ตามบริเวณทะเลสาบสวยงามยิ่งนัก  สาเหตุที่หมู่บ้านแห่งนี้ชาวจีนมักเรียกติดปากกันว่า “หมู่บ้านตกปลา” เพราะในสมัยก่อนนั้นเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่ชาวบ้านแต่ละหลังคาเรือนประกอบอาชีพประมงจับปลา สัตว์น้ำ โดยมีทะเลสาบเอ๋อไห่เป็นตัวผลิตความอุดมสมบูรณ์แก่ผืนน้ำแห่งนี้ จากจุดชมวิวด้านบนสามารถจอดรถได้ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาก็แทบจะทั้งนั้นที่แวะพักถ่ายรูปบริเวณนี้กันก่อนที่จะลงไปยังด้านล่างของหมู่บ้าน หลังจากหาที่จอดรถด้านล่างได้แล้วก็เดินลงสู่ริมทะเลสาบโดยจะผ่านร้านค้าขายของที่ระลึกต่าง ๆ ผลไม้ อาหาร ขนม เสื้อผ้า 
.  เทือกเขาชางซาน  Changsan Mountain อยู่ทางด้านทิศตะวันตกด้วยความยาวประมาณ 50 กิโลเมตร ทอดยาวจากทิศเหนือสู่ทิศใต้ มีความสูงเฉลี่ยเหนือจากระดับน้ำทะเล 3,500  เมตร โดยมียอดเขาสูงสุด “หม่าหลง” ที่ราว 4,122 เมตร มีหิมะปกคลุมในช่วงฤดูหนาว มีกระเช้าขึ้นสู่ด้านบน ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก็มาถึงจุดจอดกระเช้า ที่จุดเดินชมศึกษาเส้นทางธรรมชาติ    มีการทำทางเดินไว้อย่างดี ปลอดภัยด้วยแนวรั้วตลอดทาง สามารถเดินชม ผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ แสงของดวงอาทิตย์ และเงาที่เหลื่อมซับซ้อนไปมา สร้างภาพที่สวยงาม  ความสวยงามและความละไมของเทือกเขาชางซานค่อย ๆ ซึมซับเข้าไปทีละน้อย ๆ ท่ามกลางความยิ่งใหญ่ และคุณประโยชน์มากมายของเทือกเขาชางซานที่เป็นต้นกำเนิดสรรพสัตว์ ต้นกำเนิดของแหล่งน้ำมากมาย ซึ่งรวมไปถึงทะเลสาบเอ๋อไห่ ทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศจีนก็มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาชางซานแห่งนี้ ใช้เวลาเดินได้ไม่นานนักราว ๆ 40 นาที ก็เดินกลับสู่ทางเดิมย้อนกลับไปยังสะพานหิน
.  “สระผีเสื้อ Butterfly Spring” ตั้งอยู่ห่างจากเมืองต้าหลี่ 30 กิโลเมตร ในสมัยก่อนที่สระน้ำแห่งนี้เคยเป็นที่รวมตัวกับของเหล่าผีเสื้อจำนวนมาก ยิ่งในช่วงที่ดอกไม้ผลิบานด้วยแล้วยิ่งสร้างความสวยงามได้มากมาย แม้ในปัจจุบันจำนวนผีเสื้อนั้นน้อยลงลดลงไปมาก แต่ก็ยังเป็นที่พักผ่อนของหนุ่มสาว และคนจำนวนมากที่ต้องการมาพักผ่อน มีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านปกคลุมตัวสระล้อมรอบเสมือนโอบกอดไว้อยู่ และความสวยงามอีกอย่าง คือ ความใสของน้ำภายในสระที่เป็นสีเขียวมรกต และฝูงปลาเล็ก ๆ ไม่กี่ตัวที่สร้างชีวิตชีวาให้กับสระขึ้นได้อีกมาก

Kunming

คุนหมิง เมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลยูนนาน เป็นเมืองที่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี จนได้สมญานามว่า “นครแห่งฤดูใบไม้ผลิ”
ตำหนักทองจินเตี้ยน ตำหนักทองแห่งนี้สร้างโดยแม่ทัพอู๋ซันกุ้ย ซึ่งสร้างด้วยทองเหลืองถึง 380 ตัน จึงทำให้ตำหนักมีความสวยเด่นแลดูเสมือนทอง จึงได้ชื่อว่า ตำหนักทอง นับได้ว่าเป็นตำหนักที่ใหญ่ที่สุดของจีน  30 หยวน

วัดหยวนทง คุนหมิง เป็นวัดที่ผสมผสานทั้งวัดไทย พม่า และธิเบต วัดแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาถึง 3 นิกาย สร้างมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังมีอายุยาวนานประมาณ 1,200 กว่าปี
วัดหยวนทง วัดแห่งนี้เป็นวัดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในเมืองคุนหมิง สร้างมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังมีอายุยาวนานประมาณ 1,200 กว่าปี แต่การสร้างวัดแห่งนี้ดูแล้วจะแปลกตากว่าวัดอื่นๆในจีน เพราะปกติแล้วการสร้างวัดของจีนส่วนมากจะต้องสร้างอยู่บนภูเขา แต่วัดหยวนทงสร้างวัดต่ำกว่าภูเขา โดยวิหารจะอยู่ต่ำที่สุด เนื่องจากวัดแห่งนี้ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นวัดโดยตรง แต่เคยเป็นศาลเจ้าแม่กวนอิมมาก่อน วัดหยวนทงที่เราเห็นอยู่นี้เป็นลักษณะของวัดในสมัยราชวงศ์ชิง เนื่องจากวัดนี้ได้ถูกทำลายในสมัยราชวงศ์หมิง และได้รับการบูรณะโดยอู๋ซานกุ้ย ในสมัยที่อู๋ซานกุ้ยมาปกครองที่คุนหมิง
วัดหยวนทง คือวัดที่ผสมผสานทั้งวัดไทย พม่า และธิเบต เพราะภายในวัดที่ศักดิ์สิทธิ์และมีชื่อเสียงแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาถึง 3 นิกาย ได้แก่ พระสังฆจาย หรือที่ชาวจีนเรียกว่า พระในอนาคต จะเป็นพระองค์แรกที่ยิ้มและต้อนรับผู้คนที่เข้ามาไหว้พระ เบื้องหลังของพระสังฆจายจะมีพระอยู่องค์หนึ่งที่เรียกว่า อุยโถว
อุยโถว เป็นพระที่มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของวัด เราจะเห็นพระอุ่ยทอหันหน้ามองไปทางวิหารตลอดเวลาตอนที่เรากราบไหว้กับพระอุยโถว จะดูได้ว่าวัดนี้สามารถให้พระธุดงค์มาจำวัดได้หรือไม่ โดยดูจากท่าของพระอุยโถว ถ้าพระอุยโถว ทำท่าไหว้และกระบองวางบนมือ แสดงว่าวัดนั้นสามารถให้พระจากที่อื่นมาจำวัดได้ แต่หากพระอุ่ยทอเอากระบองชี้ดิน แสดงว่าวัดนั้นพระนอกไม่สามารถเข้ามาจำวัดได้
การไหว้พระของคนจีน จะไหว้ให้ครบทั้งสี่ทิศ คือทิศเหนือเกี่ยวกับพ่อแม่ ทิศตะวันออกเกี่ยวกับครู ทิศใต้เกี่ยวกับครอบครัว และทิศตะวันตกเกี่ยวกับเพื่อนฝูง การจุดธูปนั้นคนจีนจะเรียกว่าเผาธูป
เมื่อจุดเทียนเผาธูปไหว้พระขอพรแล้ว เดินตรงข้ามสะพานไปจะเป็นศาลาแปดเหลี่ยมซึ่งตั้งอยู่กลางสระน้ำมรกต ศาลาแปดเหลี่ยมหลังนี้เป็นศาลาที่อู๋ซานกุ้ยสร้างในสมัยราชวงศ์ชิง ในศาลาประดิษฐาน เจ้าแม่กวนอิมพันกร และเจ้าแม่กวนอิมพม่า หรือเรียกว่า เจ้าแม่กวนอิมหยก นั่นเองตรงจากศาลาไปจะมีวิหารใหญ่ที่มีสามประตู เนื่องจากคนจีนถือว่าพระพุทธเจ้ามี 3 แบบทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ด้านหลังสุดของวัด ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์ไทย ภายในโบสถ์ไทยแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธชินราช”ของไทย ซึ่งจำลองมาจากพระพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก โดย นายกรัฐมนตรีเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ ณ วัดแห่งนี้ เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างไทย-จีน นับเป็นพระพุทธรูปองค์แรกในประเทศไทยที่มาตั้งอยู่ในเมืองจีน

เมืองโบราณกวนตู้กู่เฉิง (Guandu Ancient Town) ในสมัยโบราณเมืองคุนหมิงก็เป็นส่วนหนึ่งหรืออยู่ในดินแดนของอาณาจักรน่านเจ้า (Kingdom of Nanzhao or Nanchao) มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองต้าหลี่ในปัจจุบัน สำหรับเมืองโบราณกวนตู้  เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ในยุคของอาณาจักรน่านเจ้าและอาณาจักรจีนในราชวงศ์ถัง ซึ่งถือว่าเป็นยุคโบราณทั้งคู่ (มีอายุมากกว่า 1000 ปี)
เจดีย์แบบทิเบตรวมทั้งปราสาทเก่าแก่ในเมืองโบราณกวนตู้ได้รับการบูรณะซ่อมแซมมาจากของเดิมที่สร้างกันมายาวนานถึงพันกว่าปี หรือราวปี พ.ศ.1281 – 1480 ในยุคน่านเจ้า และศาลเจ้าบางแห่งก็สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง(พ.ศ.1161 – 1450)
จะเห็นว่าเมืองโบราณกวนตู้ ในสมัยก่อนนั้นเป็นเมืองๆหนึ่งของอาณาจักรน่านเจ้า ขณะเดียวกันก็อยู่ในยุคสมัยในราชวงศ์ถังของอาณาจักรจีน และทั้งสองอาณาจักรก็ถือว่าเป็นยุคเก่าแก่หรือยุคโบราณของจีน สิ่งปลูกสร้างสำคัญๆได้แก่วัดและเจดีย์ เป็นสถาปัตยกรรมในทางศาสนาพุทธที่เคยรุ่งเรืองอยู่ในดินแดนจีน ที่หลงเหลือในเมืองโบราณกวนตู้และอนุรักษ์ไว้จนถึงปัจจุบันได้แก่ "หกวัด เจ็ดศาลา แปดศาลเจ้า"
เมืองโบราณกวนตู้  มีการอนุรักษ์และมีรานจำหน่ายขนมโบราณ ใครมาเที่ยวก็คงได้รับการแนะนำจากไกด์ว่าร้านใดเป็นที่นิยม(ของชาวจีน)

เดินทาง นั่งรถไฟใต้ดินสายสีชมพู ไปลงที่สถานี 星耀路 แล้วนั่งแท๊กซี่ไปต่อ หรือ ลงก่อนที่สถานี珥季路 แล้วนั่งรถเมลล์สาย 169


เขาซีซาน เป็นวัดในลัทธิเต๋า สร้างในช่วง ค.ศ.1718-1843 มีประวัติความเป็นมานับ 1,000 ปี คนจีนเชื่อกันว่าเมื่อมาถึงคุนหมิงแล้วจะต้องมาที่เขาซีซานแห่งนี้เพื่อไปลอดประตูมังกร เมื่อลอดแล้วสิ่งที่ไม่ดีก็จะหายไปและจะมีความโชคดีเพิ่มขึ้นร้อยเท่าพันเท่า
เขาซีซาน ตั้งห่างจากตัวเมืองคุนหมิง 29 กิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งของวัดในลัทธิเต๋า สร้างในช่วง ค.ศ.1718-1843 บางช่วงของเส้นทางต้องผ่านอุโมงค์หินที่สกัดไว้ตามไหล่เขา พร้อมชมศาลเจ้าและวัดจีนลัทธิเต๋า ซึ่งสร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของชาวบ้านที่มีประวัติความเป็นมายาวนานนับ 1,000 ปี การมาเที่ยวชมเขาซีซานท่านจะได้ชมความงดงามของ ทะเลสาบคุนหมิง เตียนฉือ และการมา ลอดประตูมังกร หลงเหมิน ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง เชื่อกันว่าเป็น ประตูแห่งความสิริมงคล ซึ่งถ้าผู้ใดได้เดินลอดผ่านประตูแห่งนี้ จะประสบแต่ความสำเร็จโชคดี ตอนลอดประตูมังกรก็ต้องลูบลูกแก้วมังกรด้วย ก่อนที่เราจะเดินผ่านประตูมังกรนี้ ให้นึกอธิษฐานในใจอยากได้สิ่งใด เดินผ่านเข้าไปก็แตะ 1 ครั้ง ประตูแห่งนี้ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมหน้าผา
คนจีนเชื่อกันว่าเมื่อมาถึงคุนหมิงแล้วจะต้องไปลอดประตูมังกร เมื่อลอดแล้วฐานะจะเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งร้อยเท่า มีตำนานเล่ากันมาว่า ในสมัยก่อนแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดคือแม่น้ำเหลืองจะมีปลาหลีหือซึ่งเป็นปลาประจำชาติของจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ครั้งหนึ่งเกิดน้ำท่วมทำให้ปลาไหลไปอยู่ตามแม่น้ำสายอื่น เมื่อปลาไปอยู่แม่น้ำอื่นปลาไม่ชินกับคุณภาพน้ำจึงมีความพยายามว่ายทวนน้ำเพื่อกลับไปอยู่ในแม่น้ำเหลือง เมื่อปลามาถึงประตูมังกร ถ้าปลาตัวไหนกระโดดข้ามประตูได้ ก็จะให้เป็นมังกร ถ้าปลาตัวไหนกระโดดข้ามไม่ได้ ก็ต้องไปอยู่ในแม่น้ำเหลือง ปลาก็เลยมีความพยายามไปกระโดดข้ามประตูเพื่อเป็นมังกร เลื่อนจากปลาเป็นมังกรถือว่าฐานะของปลาเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า ดังนั้นประตูมังกรเหมือนเป็นการสอนคนจีนมาโดยตลอด คือเมื่อเรามีความพยายามก็จะประสบความสำเร็จ

รถเมลล์สาย 51 สุดสาย เดินย้อนกลับมา 200 เมตร ขึ้นรถ Green bus เที่ยวเดียว 12.5 หยวน  ค่าเข้า 73 หยวน รวมค่ากระเช้าและรถไฟฟ้าแล้ว  ให้เลือกนั่งกระเช้าแล้วไต่ลงมาประตูมังกร ค่อยขึ้นรถไฟฟ้ากลับลงมา

อุทยานป่าหินงาม คุนหมิง เป็นป่าหินที่ใหญ่ที่สุดของโลก มีอาณาเขตกว้างขวางถึง 40,000 ไร่ ซึ่งสมัยก่อนเป็นเพียงหินปูนที่อยู่ใต้ผืนน้ำ แต่เมื่อเปลือกโลกเกิดการดันตัวสูงขึ้น จึงกลายเป็น ป่าหิน ที่ผุดขึ้นเหนือพื้นดินและการกัดเซาะของสายฝนที่ตกลงมา ทำให้หินมีรูปทรงแตกต่างกันไป  ค่าเข้า 175 หยวน
ป่าหินงามคุนหมิง เมืองจีน (Stone forest china) ป่าหินตั้งอยู่บริเวณทางตอนใต้ห่างจากเมืองคุนหมิงราว 90 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางจากคุนหมิงโดยทางรถยนต์ ราวชั่วโมงเศษๆ ป่าหินแห่งนี้จัดว่าเป็นป่าหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกคือมีพื้นที่เฉพาะส่วนที่เยี่ยมชมราว 12 ตารางกิโลเมตร ป่าหินเป็นหินปูนที่แต่เดิมอยู่ใต้ผิวน้ำและเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของผิวโลกหิน จึงถูกดันให้โผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำกลายเป็นภูมิทัศน์ที่งดงามโดดเด่น ป่าหินแห่งนี้ประมาณกันว่า มีอายุราว 270 ล้านปีเลย
ก่อนทางเดินข้าไปป่าหิน จะมีการให้บริการแต่งชุดเผ่าพื้นเมืองอาซือม่าให้บริการไว้สำหรับถ่ายภาพ ทั้งชุดผู้หญิงสีแดงผ้าคลุมและหมวกและการต่างกายของชายก็เช่นเดียวกันจะมีดาบให้ถือด้วย
ถ้ำจิ่วเซียง เป็นถ้ำมหัศจรรย์ที่สวยงามมาก ถ้ำนี้เกิดจากการกัดเซาะของภูเขาไฟโบราณ จนเกิดเป็นโพรงถ้ำขนาดยาว 3-4 กิโลเมตร ภายในถ้ำมีน้ำตก 2 สาย เรียกกันว่า น้ำตกผัวเมีย เป็นน้ำตกใหญ่และอยู่กลางระหว่างถ้ำเป็นภาพที่สวยงามมาก

วิธีไปคือนั่งบัสจากสถานีบัสตะวันออก  ตั๋วรถบัสราคา 34 หยวน  ค่าตั๋ว 175 หยวน ค่ารถไฟฟ้าอีก 25 หยวน

ถ้ำจิ่วเซียง Jiu Xiang อยู่ห่างจากคุนหมิง เมืองหลวงของมณฑลยูนาน 90 กิโลเมตรและห่างจากป่าหินงาม 30 กิโลเมตร ทางเข้าประตู มีสิงโตคู่ยืนอยู่หน้าประตู พร้อมกับโคมแดง จะมีแผนที่เส้นทางเดินของจิวเซียงด้วย และมีคำเตือนต่างๆเกี่ยวกับความปลอดภัย
ถ้ำจิ่วเซียง เป็นถ้ำหินงอกหินย้อยที่สวยงามตระการตามาก เป็นถ้ำมหัศจรรย์ของจีนที่สวยงามมากและเป็น 1 ใน 10 สถานที่สำคัญทางธรรมชาติของมณฑลยูนาน ถ้ำนี้เกิดจากการกัดเซาะของภูเขาไฟโบราณ จนเกิดเป็นโพรงถ้ำขนาดยาว 3-4 กิโลเมตรช่วงแรกจะเดินผ่านไปทางเส้นทางที่ขนานไปกับภูเขาสูง เข้าชมความงามภายในถ้ำจิ่วเซียง ที่ประกอบด้วยหินงอกหินย้อยที่สวยงามรูปร่างแปลกตาเต็มไปด้วยสีสันสวยงาม ซึ่งประกอบเสมือนเป็นโลกใต้ดินได้อย่างน่าอัศจรรย์ ชมธารน้ำตกถ้ำเล็กๆอยู่ภายใน อาทิ ถ้ำช้างเผือก, ถ้ำค้างคาว, วังเทพธิดา, ถ้ำเทวดา, ถ้ำนา ขั้นบันได ฯลฯ สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดภายในถ้ำนี้ก็คือตอนกลางของถ้ำจะมีลำน้ำทั้งสายลงมาจากหน้าผาตกลงมาเป็นน้ำตก 2 สาย เรียกกันว่า น้ำตกผัวเมีย เป็นน้ำตกใหญ่และตกอยู่กลางระหว่างถ้ำเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก สมกับคำกลอนที่ว่า “บนดินชมป่าหินงาม ใต้ดินชมจิ่วเซียง”

ถนนคนเดินหนานผิงคุนหมิง ซึ่งเป็นแหล่งค้าขายที่คึกคักที่สุดของคุนหมิง ช๊อปปิ้งของฝากนานาชนิดที่ตลาดซวงหลง ซึ่งก็เป็นห้างสรรพสินค้า


เตรียมความพร้อม

  • จองตั๋วรถไฟผ่านเว็บนี้ : https://www.travelchinaguide.com/china-trains/     เราสามารถเลือกเวลาและรูปแบบที่นั่งได้เลย มีแบบที่นั่งธรรมดา ตู้นอนแบบ Hard sleeper แบบเตียง 3 ชั้น มีม่านรูดแบบรถไฟไทย และ Soft sleeper เป็นห้อง 4 ที่นอนเตียง 2 ชั้น มีประตูปิด เมื่อเลือกจองและให้รายละเอียดผู้โดยสาร และส่งไฟล์พาสปอร์ต เรียบร้อยแล้ว เราต้องเลือกชำระเงินซึ่งสามารถชำระผ่าน paypal หรือ Visa หลังจากนั้นจะมีอีเมลล์แจ้งให้เราทราบว่าเราชำระเรียบร้อยแล้ว ให้รอประมาณ 1 เดือน จะมีเมลล์แจ้งให้เราพิมพ์เอกสารที่แนบมา ไปติดต่อที่สถานีรถไฟวันเดินทางเพื่อยืนยันตั๋วและรับตั๋วจริงๆที่สถานี
           รถไฟคุนหมิง-ลี่เจียง ธรรมดา 89 หยวน , นอนรวม 3 ชั้น 164 หยวน , นอนห้องละ 4 เตียง 2ชั้น 246 หยวน
  •  จากสนามบินคุนหมิงมายังสถานีรถไฟคุนหมิง 
            - ค่ารถ Shutter Bus สาย2 จากสนามบินคุนหมิงมายังสถานีรถไฟ ราคา 25 หยวน

            - รถเมลล์ สาย 919B จากสนามบินสุดสายที่สถานีรถไฟ ราคา 13 หยวน

            - แท๊กซี่ ถ้าไปกันหลายคนก็เฉลี่ยๆกัน คุ้มเหมือนกันราคาเท่าที่อ่านพบ ประมาณ 80 หยวน
  • การเดินทางระหว่างเมือง จะมีรถบัสวิ่งระหว่างเมือง
  • From Dali (Xiaguan) -> Shangrila
    Schedule: 06:30 – 12:00 (every half an hour), and 18:30
    Passengers can take the bus at Dali North Bus Station. It takes about 7-8 hours and costs CNY83-106.  75 หยวน
    Return trip: 07:00, 08:00, 08:30, 09:00, 10:00, 10:30, 11:00, 11:30, 12:00, 12:30
    From Lijiang -> Shangri-la
     Schedule: 07:30 – 17:00 (every 30-40min) from Lijiang Bus Station; 08:20, 09:30, 10:30, 13:00, 14:30, 15:30 from Lijiang Express Bus Station
     The duration of the whole trip is around 4 hours and the bus fare is CNY46-68.
     Return trip: 07:10, 08:00, 08:30, 09:00, 09:30, 10:00, 10:30, 10:40, 11:30, 12:20, 13:00, 13:30, 14:00, 14:30, 15:00, 15:30, 16:00, 16:40, 18:00

    From Kunming -> Shangri-la
     Schedule: 08:30, 09:30, 13:00, 18:30, 19:00, 19:30, 20:30
     Passengers can take the bus at Kunming West Bus Station. It takes about 10 hours and costs CNY197-228.
     Return trip: 11:00, 13:00, 14:00, 15:00, 16:30, 17:30, 18:30, 19:30
  •  ทัวร์ภูเขาหิมะมังกรหยก ราคา 460 หยวน (แต่ป้ายราคาแปะ 580) รวมอาหารกลางวัน, Cloth กันหนาว และ Oxygen 1 กระป๋อง โดยรถจะมารับที่โรงแรมราวๆ 7:30-8:00 กลับประมาณ 16:00 ชาวต่างชาติ ต้องเตรียม Passport ติดไปด้วย มิฉะนั้น จะขึ้นกระเช้าไม่ได้!
  • ก่อนเดินทาง 2 อาทิตย์ น้องสะใภ้ สามารถติดต่อเช่ารถมินิบัส 18 ที่นั่ง โดยให้รับพวกเราที่สถานีรถไฟลี่เจียง และพาเที่ยว ลี่เจียง แชงกรีล่า ต้าลี่ ตลอด 6 วัน และส่งกลับพวกเราสถานีรถไฟต้าลี่ เป็นอันจบทริป ในราคาเหมารวม 7,000 หยวน  (และนับมาเป็นการตัดสินใจเลือกที่ถูกต้องที่สุด ทำให้ทริปนี้เราได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางเป็นอย่างมาก คนขับรถก็สุภาพช่วยเหลือแม้จะสื่อสารกันยากเย็นแต่ก็ผ่านไปได้อย่างน่าประทับใจ )
ตั๋วเครื่องบินพร้อม
ตั๋วรถไฟพร้อม
ที่พักจองไว้เรียบร้อยแล้ว
โปรแกรมวางเสร็จเรียบร้อยแล้ว

Let's Go ..............


ติดตามตอน 2 ได้ที่นี่
https://somersetmghm.blogspot.com/2017/12/kunming-dali-lijiang-shangrila-2.html
 



No comments:

Post a Comment

ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......