Thursday, 28 November 2024

Jiuzhaigou-Huanglong-Bipenggou #4

 Chengdu 1-3 Nov 2024


ดูตอนก่อนหน้านี้ได้ที่นี่

Huanglong   : Somerset's Memories: Jiuzhaigou-Huanglong-Bipenggou #1

Jiuzhaigou  :  Somerset's Memories: Jiuzhaigou-Huanglong-Bipenggou #2 

Bipenggou  :  Somerset's Memories: Jiuzhaigou-Huanglong-Bipenggou #3


สบักสะบอม กับการเดิน เที่ยวในจีนต้องเตรียมพร้อมร่างกายกันพอสมควร เพราะภูมิประเทศของจีนเต็มไปด้วยภูเขา การท่องเที่ยวในแต่ละที่ต้องเดินกันในแต่ละวันไม่น้อยกว่า 15 กม. ทั้งเดินขึ้น เดินลงบันใดเป็นว่าเล่น  ดีว่าทางการจีนเค้าพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวต่างๆให้สะดวกต่อการเดินเที่ยวค่อนข้างมาก

เราเหลือเวลาที่เมืองเฉินตูอีก 2-3 วัน ตอนนี้กลับมาพักที่เฉินตูแล้ว  แผนต่อไปคือการเดินเที่ยวในตัวเมืองเฉินตู และช้อปปิ้งส่งท้าย

เช้าวันนี้พวกเราตั้งใจไปศูนย์อนุรักษ์แพนด้า  ไม่มาไม่ได้ เพราะเมืองนี้เป็นเมืองแพนด้า เราฝากให้อาใช่ช่วยจองตั๋วเข้าชมให้ด้วย แม้ว่าเราจะไม่ได้ใช้บริการรถของอาใช่แล้ว แต่อาใช่ก็ตอบแทนที่พวกเราให้ทิป ด้วยการแถมพามาส่งที่หน้าศูนย์อนุรักษ์แพนด้า และบอกวิธีเดินทางกลับให้ด้วย 

เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวนแห่งนี้เป็นแหล่งต้นกำเนิด และเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีแพนด้าที่เยอะที่สุดในโลกก็ว่าได้ ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า Chengdu Giant Panda Breeding Research Base ถูกจัดตั้งจากทางรัฐบาลจีน เพื่อเป็นการช่วยดูแล รักษาประชากรของหมีแพนด้าโดยนอกจากการดูและน้องแพนด้าแล้ว ยังมีการดูแลสัตว์ป่าใกล้สูญพันธ์อีกหลายสายพันธ์ เช่นแพนด้าแดง ลิงสายพันธ์หายาก นอกจากนี้ที่ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า Chengdu Giant Panda Breeding Research Base ยังมีพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้างใหญ่มากๆ ในตอนนี้ก็พัฒนามาได้มากกว่า 5,000 ไร่แล้ว




เรามาถึงก่อนเปิดศูนย์ฯเล็กน้อย แต่ก็มีนักท่องเที่ยวชาวจีนมาเข้าแถวรอเข้าแล้วเป็นจำนวนมาก หลังประตูเปิดทุกคนก็กรูกันเข้า  เข้ามาแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหน ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือเดินตามเค้าไป จุดแรกคือบ่อแพนด้าบ่อแรก คนเยอะมากต้องเข้าแถวรอเข้าเป็นกลุ่มๆ และแต่ละรอบก็ดูได้แค่ไม่ถึง 5 นาที 









หลังจากเสียค่าโง่ไปเป็นชั่วโมง ก็ปัญญามา เนื่องจากศูนย์ฯนี้กว้างขวางมาก เค้าจึงมีบริการรถกอล์ฟไฟฟ้า พาไปยังจุดต่างๆ ขอแนะนำให้เข้าไปในสุด แล้วค่อยๆเดินเที่ยวออกมา โดยเฉพาะจุด 12 จะมีบ่อแพนด้าหลายบ่อ คนไม่ค่อยเยอะ สามารถยืนชมได้ตามสบายไม่มีการบังคับเวลา




พวกเรานัดกันเอาหมวกแพนด้าที่ซื้อที่เมืองซงฟาน หวงหลง มาใส่กันเป็นทีม ปรากฎว่าเดินไปตรงไหน อาหมวย อาตี๋ ทั้งหลาย จะมองกัน บางคนก็เข้ามาสะกิดถามว่าซื้อกันมาจากไหน พอโดนถามบ่อยๆเข้า ก็เริ่มเข้าใจว่า หมวกนี้คงไม่มีขายในเฉินตู เป็นสินค้าที่มีขายเฉพาะที่ หวงหลงและจิ่วจ้ายโกว 






บ่อแพนด้า มีทั้งอยู่ในห้องกระจก  และ บ่อกลางแจ้ง







ตรงกลางของศูนย์ฯ เป็นอาคารรูปหน่อไม้ สามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงได้ แต่ตอนที่ไป ลิฟต์เสียหรือเค้าไม่เปิดให้เข้าก็ไม่รู้ได้ ดูบันใดแล้วไม่ขึ้นไปก็ได้





เราออกมาจากศูนย์ฯ โดยอาใช่บอกให้ออกมาทางประตูทิศใต้ ออกมาแล้วจะพบบูธ ขายตั๋วรถบัสเข้าเมือง เราเลือกให้เค้ามาส่งที่ตึก IFS  เพื่อหาอาหารทาน ที่สำคัญสมาชิกอยากไปซื้อตุ๊กตาของเล่นที่ร้าน Popmart ที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ ออกจากตึก IFS ข้ามถนนเดินเข้าซอยก็เป็นถนน Chunxi แหล่งถนนคนเดิน มีร้านรวงให้เดินช้อปปิ้งกัน ทั้งของแบรนด์เนม และของฝากต่าๆ  ก็สอยกระเป๋าเล็กๆ พวงกุญแจแพนด้า กันมาคนละหอบ 





 วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะเที่ยวในเฉินตู พรุ่งนี้ก็จะต้องกลับกันแล้ว  เช้านี้เราจะไปวัด Wenshu Yuan Monastery  และ Chengdu Wu Hou Shrine และตรอก Jinli Folk-custom Memory Wall

เราให้ทางโรงแรมช่วยเรียกรถแท๊กซี่ให้ พาไปส่งที่วัด Wenshu Yuan เสียค่ารถไป 10 หยวน  







สายมู ไม่พลาดที่จะซื้อเครื่องรางของขลัง ที่มีจำหน่ายหน้าวัด และไหว้พระ ไหว้เจ้าแม่กวนอิม และไม่พลาดเข้าแถว ลูบประตูวิหารเจ้าแม่กวนอิมเพื่อเป็นศิริมงคล

















ออกจากวัด ก็เรียกแท๊กซี่ไปต่อที่ Chengdu Wu Hou Shrine หรือ ศาลเจ้าสามก๊ก ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันๆ ปี สามก๊ก เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของประเทศจีน เรื่องราวเกิดขึ้นในปลายสมัยของราชวงศ์ฮั่นตะวันออกของจักรพรรดิเหี้ยนเต้ เนื่องจากในสมัยนั้นเล่าปี่ตั้งราชธานีที่เสฉวนโดยมีขงเบ้งมาช่วยเล่าปี่บริหาร มีทหารเอกคือกวนอู เตียวหุย ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน ประชาชนในเมืองเสฉวนต่างก็มีความสุข แต่เมื่อสิ้นบุญของเล่าปี่แล้วประชาชนกลับนับถือขงเบ้ง (จูกัดเหลียง) มากกว่าเล่าปี่ ประชาชนก็เลยสร้างศาลเจ้าขึ้นมาเพื่อระลึกถึง ต่อมาไม่นานผู้ปกครองเมืองจีนเห็นว่าไม่ถูกต้องที่ยกย่องขุนนางให้อยู่เหนือกษัตริย์ก็เลยออกคำสั่งให้ สร้างศาลเล่าปี่โดยให้มีรูปปั้นขุนนางอีก 14 ท่าน เอาไว้ด้วย

ภายในเป็นที่ตั้ง "สุสานฮุ่ยหลิง" ของเล่าปี่(刘备) และศาลเจ้านักรบ "อู่โหวสือ 武侯祠" ของขงเบ้ง(诸葛亮)เป็นศาลเจ้าแห่งเดียวของจีนที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาทั้งผู้ปกครองบ้านเมืองและขุนนางในที่เดียวกัน ศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับยกย่องให้เป็นโบราณสถานแห่งชาติที่สำคัญของจีน และในปี1984ก็ได้สร้างที่นี้ให้เป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอีกด้วย 

ศาลเจ้าสามก๊กประกอบไปด้วยอาคารและโบราณสถานหลายแห่ง ดังนี้
  1. ประตูหลัก: ประดับด้วยป้ายหินขนาดใหญ่ที่จารึกตัวอักษรสีทองว่า "อู่โหวสือ"
  2. หอประชุม: เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นของ เล่าปี่ กษัตริย์องค์แรกแห่งจ๊กก๊ก ขงเบ้ง มหาเสนาบดีผู้เปี่ยมด้วยสติปัญญา และ กวนอู ขุนพลผู้กล้าหาญ
  3. หอจูเก๋อเลี่ยง: เป็นที่เก็บรักษาโกศบรรจุพระศพของขงเบ้ง
  4. หอเก้าเสือ: เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นขุนพลเอกของจ๊กก๊กทั้ง 9 คน
  5. สวน: ประดับด้วยต้นไม้ดอกไม้และโบราณวัตถุต่างๆ






โชคดีว่า ในคณะน้องชาย เป็นแฟนพันธุ์แท้สามก๊ก ทั้งอ่านหนังสือ ทั้งดูภาพยนต์ คอยอธิบายภาพหรือรูปปั้นต่างๆ ว่าอยู่ในช่วงตอนไหนของสามก๊ก  สำหรับเราเอง เคยอ่านสามก๊กแต่ก็ไม่เข้าใจ จำชื่อคนไม่ได้เลย ดูหนัง ก็ดูไม่รู้เรื่อง  พอได้ฟังการอธิบายก็ทำให้การเดินชมได้อรรถรสและได้ความรู้ จนสัญญากับตัวเองว่า กลับไปต้องดูหนังอีกสักครั้ง




ขงเบ้ง หรือ จูกัดเหลียง  ลูก และหลาน 




3 พี่น้องร่วมสาบาน แม้ไม่ได้เกิดวันเดียวกัน ก็ขอตายวันเดียวกัน เล่าปี่ กวนอู และ เตียวหุย







ในส่วนของพิพิธภัณฑ์ มีการจำลองเหตุการณ์สำคัญในสามก๊ก ทำได้ดีมาก แสงสีสวยงาม












แอนนิเมชั่น เล่าเรื่องที่เล่าปี่ไปเชิญ จูกัดเหลียง มาเป็นที่ปรึกษาถึง 3 ครั้ง 3 ครา ทำได้ยอดเยี่ยมมาก ทำเป็นภาพเคลื่อนไหวในแนวหมึกจีน สุดยอดมาก





ภาพ 3 มิติ ที่ทำเป็นแนวกระดาษ ซ้อนเลเยอร์ ทำได้สวยงามน่าประทับใจมาก



ออกจากศาลเจ้าสามก๊ก อย่างอิ่มเอม แล้ว ก็เดินเข้าตรอกด้านข้าง ถนนคนเดินโบราณ“จิ๋นหลี่”|锦里古街 Jinli street  เป็นตรอกแคบๆ ที่มีร้านค้าแน่นทั้ง 2 ฝั่ง  











10 วันในเฉินตู ได้ชมทั้งธรรมชาติที่งดงาม และ ศิลปวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ของจีน คุ้มค่ามาก ยังมีอีกหลายจุดที่ยังไม่ได้ไปเยี่ยมชม โอกาสหน้าฟ้าใหม่ คงได้มาเยี่ยมอีกสักครั้ง 

ขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาเยี่ยมชมนะคะ

No comments:

Post a Comment

ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......