Monday 21 August 2017

Lipe...เกาะสวรรค์




ที่ตั้งของเกาะหลีเป๊ะ อยู่ที่ทะเลอันดามัน จ.สตูล อยู่นอกเขตอำนาจของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา  เป็นน่านน้ำที่ติดกับประเทศมาเลเซีย ห่างจากแผ่นดินของจังหวัดสตูล 85 กิโลเมตร  และมีระยะห่างจากท่าเรือปากบารา 62 กิโลเมตร อยู่ทางตอนใต้ของเกาะอาดัง  พื้นที่บนเกาะหลีเป๊ะประมาณ 3 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วยรีสอร์ทมากมายหลาย 30-50 แห่ง กระจายทั่วทั้งเกาะ โดยเฉพาะริมชายหาด

เกาะหลีเป๊ะ เป็นเกาะที่มีความสวยงามอันดับต้นๆ ของท้องทะเลไทย มีน้ำทะเลที่ใส อมเขียว-ฟ้า หาดทรายขาว ราวกับผงแป้ง มีสมญานามว่า “มัลดีฟเมืองไทย” มีชายหาดหลักๆ อยู่ 3 หาดได้แก่ หาดซันไรส์ (หาดชาวเล) หาดซันเซต (หาดประมง) และ หาดพัทยา (หาดบันดาหยา) นอกจากชายหาดที่สวยงามบริเวณรอบๆ เกาะหลีเป๊ะ ยังเป็นแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียง มีสัตว์น้ำหลายหลาย ไม่ว่าจะเป็นปลาการ์ตูน ปะการังเจ็ดสี ดอกไม้ทะเล ฯลฯ ซึ่งสามารถดำได้ทั้งแบบ Snorkeling และ Scuba

 รอบๆ เกาะหลีเป๊ะ มีหมู่เกาะที่สวยงามมากมาย เหมาะกับการดำน้ำ เช่นเกาะอาดัง, เกาะราวี, เกาะหินซ้อน, เกาะหินงาม, เกาะไม้ไผ่ และเกาะดง โดยส่วนมากแล้วเป็นเกาะในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ซึ่งเกาะเหล่านี้จะมีช่วงเวลาปิดเกาะ และจะเปิดให้เข้าไปเที่ยว/พักแรม ได้ในวันที่ 16 พฤศจิกายน – 15 พฤษภาคม ของทุกปี ส่วนเกาะหลีเป๊ะนั้นอยู่นอกเหนือพื้นที่อุทยานฯ สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

การเดินทาง จากท่าเรือปากบารา ( 1072 ม.2 ปากน้ำ อำเภอ ละงู สตูล 91110 ) พิกัด https://goo.gl/maps/H4Eqwh7noadzxiFA8   มีเรือที่ให้บริการมี 2 แบบ ได้แก่เรือเฟอร์รี่และสปีทโบ๊ท โดยจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เมื่อถึงเกาะหลีเป๊ะแล้วเรือเฟอร์รี่/สปีทโบ๊ทจะจอดที่โป๊ะกลางน้ำที่หาดพัทยา

เป็นชายหาดบนเกาะที่อุดมไปด้วยท้องทะเลที่สดใสสะอาด สวยงาม เป็นเกาะที่เงียบสงบ และมีน้ำที่ตื้นเขิน จุดเด่นของทางเกาะหลีเป๊ะ คือ ความเป็นธรรมชาติของปะการังรายล้อมรอบเกาะ มีเวิ้งอ่าวที่สวยงาม หาดทรายละเอียดนิ่มนวลขาวเหมือนแป้ง เกาะหลีเป๊ะ มีชายหาดที่สำคัญ ๆ อยู่ 4 หาด ได้แก่

หาดพัทยา ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะหลีเป๊ะ เป็นเกาะที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปมากที่สุด  หาดนี้อยู่ตรงกลางเกาะ คึกคักที่สุดบนเกาะหลีเป๊ะ อยู่ใกล้โป๊ะท่าเรือกลางทะเล เรือเฟอร์รี่และสปีดโบ๊ทที่มาจากท่าเรือปากบาราจะมาจอดที่โป๊ะนี้ มีเรือหางยาววิ่งเข้าออกตลอดเวลา หาดพัทยาสามารถลงเล่นน้ำได้ หาดสวย น้ำใส มีร้านอาหารริมหาดหลายร้าน ส่วนมากเปิดให้บริการตอนกลางคืน บรรยากาศคล้ายหาดทรายแก้ว เกาะเสม็ด สิ่งอำนวยความสะดวกในหาดพัทยาจะมีเยอะกว่าหาดอื่น ไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อ ทัวร์ดำน้ำ ร้านอาหาร และยังเป็นจุดเริ่มต้นของถนนคนเดิน เกาะหลีเป๊ะ (Walking street)

หาดซันไรส์ หรือ หาดชาวเล เป็นชายหาดที่สวยบนเกาะหลีเป๊ะ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะ น้ำทะเลใส, ทรายขาว มีแนวต้นสนให้ร่มเงาตลอดหาด เหมาะกับการเล่นน้ำ สน๊อกเกิ้ลดูดอกไม้ทะเล – ปลาการ์ตูนหน้าหาด จุดชมปลาการ์ตูนจะอยู่ตั้งแต่รีสอร์ท Cast Away ไปจนถึงโรงเรียนบ้านเกาะอาดัง อีกทั้งหาดนี้ไม่ค่อยมีเรือวิ่งเข้าออกเหมือนหาดพัทยา บรรยากาศค่อนข้างสงบ นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมนอนอาบแดดที่ริมหาด มีรีสอร์ทและร้านอาหารติดริมหาดซันไรส์หลายแห่ง หากต้องการจะไปยังถนนคนเดิน เกาะหลีเป๊ะ ก็เดินจากหาดซันไรส์ไปไม่ไกล ในตอนเช้าจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้ที่หาดนี้
หาดคาร์มา อยู่ทางตอนเหนือ ซึ่งหันหน้าเข้ากับเกาะอาดัง

หาดซันเซ็ท หรือ หาดประมง อยู่ตรงข้ามกับเกาะอาดัง ทางทิศตะวันตก ซึ่งหันหน้าเข้ารับแสงของพระอาทิตย์ ตามชื่อของหาด  หาดนี้มีจุดเชื่อมกับหาดซันไรส์ ที่บริเวณ Mountain resort ถัดจาก Mountain resort ไปทางทิศตะวันตก จะเป็นหาดซันเซต หาดฝั่งนี้ค่อนข้างสงบ นักท่องเที่ยวน้อยมาก มีรีสอร์ทไม่เยอะ หาดมีโขดหิน วิวสวย เล่นน้ำได้ ที่พักยอดนิยมของหาดนี้ได้แก่ Mountain resort เป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ มีที่พักติดหาดและยาวขึ้นไปบนเนินเขาด้วยบน







คณะของเราเริ่มต้นเดินทางจาก กทม.โดยรถตู้ เราออกเดินทางตอน ทุ่มตรง เพื่อให้สว่างพอดีที่ตรัง และเดินทางต่อไปยังท่าเรือปากบารา จ.สตูล กว่าจะถึงก็เวลา 11 โมงเช้า จากที่นี่เราเช่าเรือสปีดโบ๊ทไว้เรียบร้อยแล้ว คณะของเรามีสมาชิกประมาณ 12 คน ก็พอดีเต็มลำ

สำหรับฉันเอง การเดินทางตลอดคืนโดยรถตู้ ซึ่งทำให้อาจไม่สามารถนอนหลับได้สนิท คงหลับๆตื่นๆตลอดคือ และยังต่องนั่งเรือต่อไปยังเกาะหลีเป๊ะ ปกติที่นอนหลับเต็มอิ่ม ยังเกิดการอาการเมาเรืออยู่แล้ว ดังนั้นเพื่อให้การเที่ยวตลอดทริปเป็นไปด้วยดี ไม่ควรเกิดอาการเมาเรือเกิดขึ้น ฉันจึงเลือกที่จะบินล่วงหน้ามารอชาวคณะที่ตรัง

เครื่องบินออกจากสนามบินดอนเมืองในเวลา  16.00 น.  อากาศค่อนข้างดีจึงหวังว่า ทริปหลีเป๊ะจะราบรื่นด้วยดีไม่มีฟ้าฝนการกวนใจใดใด






ใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมง ก็เดินทางถึงตรัง ฉันเลือกโดยสารรถตู้จากสนามบินที่มีให้บริการ คิดค่ารถคนละ 80 บาท ส่งถึงโรงแรม ฉันจองโรงแรมธรรมรินทร์ จากเว็บ booking.com มาแล้ว โรงแรมอยู่หน้าสถานีรถไฟตรัง วันนี้มีตลาดนัดถนนคนเดินทางหน้าสถานีด้วย  ดังนั้นเมือวางกระเป๋าเดินทางในห้องเรียบร้อยแล้ว จึงเป็นเวลาที่จะเดินชมตลาดและหาอาหารรับประทาน ก่อนจะกลับมาพักผ่อนที่ห้องพัก




ค่ำคืนนี้นอนหลับสบาย ไร้สิ่งกวนใจใดใด เช้าวันนี้หลังจากตื่นนอนตีสี่ อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย พร้อมที่จะออกเดินทางได้ทันทีที่คณะรถตู้มาถึง  แต่เวลายังมีเหลืออีกเยอะ จะนั่งรอนอนรอให้เสียเวลาทำไม ออกเดินเล่นชมเมืองยามเช้าดีกว่า  จากโรงแรมเดินข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม แวะซื้อปาท่องโก๋ร้อนๆฝากชาวคณะ






จะเดินต่อไป ก็เงียบเหลือเกิน งั้นกลับหลังหันเดินย้อนกลับมาหน้าโรงแรม และบ่ายหน้าไปยังถนนด้านหลังโรงแรม เดินไปนิดเดียวก็เจอตลาดเช้า ที่กำลังจะพร้อมเปิดในไม่ช้า แวะซื้อหมูย่างฝากชาวคณะอีกสักนิด







กลับมาโรงแรม เข้าห้องน้ำ เก็บของเช็คเอาท์ และมานั่งรอรถตู้ที่ล้อบบี้ ไม่นานรถตู้ก็มาถึง หลังจากทุกคนทานอาหารเช้าเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางต่อไปยังสตูล จุดหมายปลายทางคือท่าเรือปากบารา


จากตัวเมืองจังหวัดสตูลถึงท่าเรือปากบารา : ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4078 จาก แยกฉลุง ถึง อำเภอละงู ประมาณ 37 กิโลเมตร แล้วจึงเดินทางต่อไปยัง ท่าเรือปากบาราประมาณ 9 กิโลเมตร

จากท่าเรือปากบาราถึงเกาะหลีเป๊ะ : นั่ง speedboat จากท่าเรือปากบาราถึงเกาะตะรุเตา และเกาะหลีเป๊ะ เรือจะออกจากท่าวันละ 2 ครั้ง คือ เวลา 11 โมงเช้า และ บ่าย 2 โมง และกลับมาจากเกาะหลีเป๊ะประมาณ 11 โมงเช้าและบ่าย 3 โมง ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง และเสียค่าใช้จ่ายของเรือคนละ 1,000 พันบาท (ไป-กลับ)

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เกาะตะรุเตา






 เกาะแรกที่เดินทางถึงและเรือจอดให้แวะเที่ยว คือ เกาะตารุเตา อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาจะเปิดเฉพาะเดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนพฤษภาคม สามารถจองบังกะโลที่อุทยานฯ ได้ที่ ออฟฟิศของอุทยานบริเวณท่าเทียบเรือปากบารา (โทร. 074-783-485) หรือจองผ่านกรมป่าไม้ (โทร. 0-2561-4292 ถึง 3)

เราใช้เวลาที่เกาะตารุเตาประมาณ 30 นาที ด้วยการเดินเล่นที่ชายหาดตรงท่าเรือที่เราขึ้นฝั่ง








จากเกาะตารุเตา ตอนแรกตั้งใจแวะเกาะไข่ก่อน แต่คนขับเรือแจ้งว่าตอนนี้น้ำขึ้น จึงมองไม่เห็นช่องเขา ไฮไลท์ของเกาะไข่ จึงไม่ได้แวะ  เราจึงตรงมาเข้าที่พักที่เกาะหลีเป๊ะ

เกาะหลีเป๊ะ ชื่อของเกาะหลีเป๊ะแห่งนี้ มีความหมายว่า "กระดาษ" นั่นก็เพราะว่าพื้นที่ทั้งหมดของเกาะหลีเป๊ะเป็นพื้นที่เรียบ ดังนั้นการเดินจากชายหาดหนึ่งไปอีกชายหาดหนึ่งจึงมีความสะดวกสบายอย่างมาก เป็นเกาะที่มีความกว้างระหว่างหัวเกาะไปถึงท้ายเกาะประมาณ 3 กิโลเมตร จัดเป็นเกาะขนาดเล็ก ถือเป็นเกาะที่อยู่สุดท้ายทางตอนใต้ของทะเลอันดามันของไทย เนื่องจากพื้นที่ถัดไปคือทะเลสากลที่เชื่อมกับทะเลของประเทศเพื่อนบ้าน คือ มาเลเซีย

เนื่องจากเราเช่าเรือสปีดโบ๊ทมาตั้งแต่ท่าเรือปากบารา เรือจึงมาส่งเราที่ริมหาดของที่พักเรา ไม่ได้ขึ้นที่ท่าเรือหลักเช่นนักท่องเที่ยวอื่นๆ เราจึงไม่ต้องเดินลากกระเป๋าไกล แต่สามาถขึ้นฝั่งเข้าที่พักได้เลย

 
















อากาศร้อนอบอ้าวมาก หลังจากเก็บของเข้าที่พักชื่อ Castaway Resort Koh Lipe อาบน้ำและนั่งคุยกันซักพัก ก็เป็นเวลาที่เราจะไปชมอาทิตย์ตกน้ำทางด้านตะวันตกของเกาะ









เกาะหลีเป๊ะ นอกจากจะเต็มไปด้วยพี่พัก รีสอร์ทต่างๆ ตั้งอยู่ทั่วทั้งเกาะแล้ว ยังมีชุมชนหมู่บ้านชาวประมง ชนพื้นเมือง ทำมาค้าขาย ของที่ระลึก และ ร้านอาหาร อยู่ตามจุดต่างๆทั่วทั้งเกาะด้วย หลังจากชมพระอาทิตย์ตกน้ำแล้ว เราก็เดินมายังแหล่งช้อปปิ้ง ตลาดนัดและร้านอาหารใจกลางของเกาะ ทุกร้านอาหารต่างก็เต็มแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาดื่มกิน เราจึงเลือกร้านอาหารที่ยังพอมีที่ว่าง และก็โชคดีที่ร้านที่เราเลือกสามารถปรุงอาหารได้อย่างอร่อย ฉะนั้นมื้อถัดมาเราก็ฝากท้องไว้ที่ร้านนี้ร้านเดียว แม้แต่อาหารกล่องของวันรุ่งขึ้นเราก็สั่งให้ร้านนี้ทำให้กับเรา

เช้าวันรุ่งขึ้น เรารีบตื่นแต่มืดก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น รีบลงไปที่ชายหาดไม่ต้องเดินไปไกล เพราะหาดที่เราพักอยู่ทางด้านตะวันออก ตั้งขาตั้งกล้องและกล้องเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นได้เลย







จนสายๆหลังจากอาบน้ำ ทานกาแฟ ขนม ของว่างๆต่างๆ และ รับข้าวกล่องที่ร้านอาหารนำมาส่งแล้ว เราก็พร้อมที่จะท่องเที่ยวเกาะต่างๆแล้ว เราเช่าเหมาเรือสปีดโบ๊ท ลำเดียวกับที่มาส่งเราให้พาพวกเราเที่ยวตามเกาะต่างๆตลอดทริปนี้ จึงถือว่าสะดวกสบายมากๆ




เกาะแรกที่เรามาเที่ยวคือ เกาะอาดัง เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีเนินทรายสีขาวแหลมยื่นออกมารับลมทะเล พร้อมแนวต้นสนที่ขึ้นกันเรียงรายอยู่บริเวณชายหาด เป็นจุดที่ตั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เรือจอดนอกชายฝั่งให้เราดำน้ำดูปะการังสวยๆ ก่อนพามาจอดให้เดินเที่ยวที่เกาะ














เกาะราวี เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงอีกเกาะหนึ่ง โดยเฉพาะหาดทรายสีขาวสมกับชื่อ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่แวะพักรับประทานอาหารกลางวัน พวกเราซื้อข้าวกล่อง มาจากที่พัก ก็นำมานั่งทานกันที่เกาะนี้ และเมื่อทานเสร็จก็ต้องนำขยะกลับไปด้วย






เกาะหินงาม จ.สตูล อยู่ห่างจากเกาะอาดังไปทางทิศตะวันตกไม่ไกลนัก มีความโดดเด่นแปลกตาด้วยหาดหินก้อนกลมรีผิวเนียบเรียบ มีขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันไป มีจุดให้ดำน้ำดูปะการังสวยๆด้วย












ร่องน้ำจาบัง เป็นจุดดำชมปะการังอ่อนหลากสี จาบังมีลักษณะเป็นกองหินใต้น้ำมี 5 ยอด แต่ละยอดตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน จุดนี้กระแสน้ำค่อนข้างแรง การลอยตัวจึงต้องจำทุ่นลอยน้ำไว้ตลอดเวลา










เกาะหินซ้อน เป็นเกาะมีก้อนหินขนาดใหญ่สองก้อน วางซ้อนทับกันอยู่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ลักษณะเป็นแนวโขดหิน กลางทะเลที่ซึ่งอยู่ห่างจะเกาะ ดงไปไม่ไกลมองดูคล้ายกับเรือดำ น้ำลอยลำอยู่กลางทะเล บางคนจึงเรียกว่ากองหินเรือดำน้ำบริเวณ รอบกองหินเหล่านี้เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังได้ แต่กระแสน้ำค่อน ข้างเชี่ยวเนื่องจากเป็นทะเลเปิด บริเวณเกาะแห่งนี้เป็นจุดชมวิว พระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามมากจุดหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ ตะรุเตาและถัดจากเกาะนี้ไปจะไม่มีเกาะใด ๆ ของประเทศไทย ให้เห็นอีกเลย เกาะๆ นี้จึงถือเป็นเกาะสุดท้ายในทะเลอันดามัน

จุดเด่นของเกาะแห่งนี้ นอกจากตัวหินซ้อนแล้วยังมีความสวยงามใต้น้ำ บริเวณรอบเกาะหินซ้อนมีแนวปะการังที่สวยงาม มีทั้งปะการังอ่อนและปะการังแข็ง อีกทั้งยังมีกอดอกไม้ทะเลและปลาการ์ตูนนีโมมากมาย ระดับน้ำก็ไม่ลึก จุดนี้มีความหลากหลายกว่าที่จาบัง แนวปะการังมีพื้นที่กว้างกว่าแต่ไม่หนาแน่นนัก

บริเวณด้านทิศใต้มีระดับน้ำที่ลึกกว่า มีปะการังแข็งจำพวกเขากวางขนาดใหญ่กระจายอยู่เป็นหย่อมๆ จะเป็นปะการังอ่อน ดาวขนนก และกอดอกไม้ทะเล เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีปะการังที่สวยงาม ดำชมสบายๆ ไม่แออัดเหมือนที่จาบัง ความแรงของกระแสน้ำน้อยกว่าร่องน้ำจาบัง แต่ก็ยังถือว่าแรงอยู่เพราะเป็นทะเลเปิด








เที่ยวเกาะต่างๆ ดำน้ำดูปะการัง ที่ยังสมบูรณ์สวยงาม จนตัวดำแล้ว ก็ได้เวลากลับมายังหลีเป๊ะ อาบน้ำ พักผ่อน จนเย็น อยากไปเก็บภาพอาทิตย์ตกอีกครั้ง แต่ก็เพลียและเหนื่อยจนไม่อยากเดินไป และอยากเดินชมตลาดนัดที่มีทุกคืน แยกย้ายกันเดินเที่ยวตัวใครตัวมัน และนัดพบกันที่ร้านอาหารร้านเดิมเพื่อทานอาหารเย็นที่ร้านเดิม

เช้านี้เก็บข้าวเก็บของเตรียมเดินทางกลับ เราจะต้องกลับมาถึงท่าเรือปากบาราให้ทันก่อน 11 โมงเช้า แต่เรายังไม่ได้แวะเกาะไข่เลย ซึ่งวันนี้ถ้าน้ำยังไม่ขึ้นเราคงได้แวะเกาะไข่ระหว่างทาง และก็ไม่ผิดหวัง เราใด้ขึ้นไปเที่ยวเกาะไข่ และก็มีเพียงคณะเราคณะเดียว ไม่มีคนเลย โชคดีจริงๆ แต่เราก็มีเวลาแค่นิดเดียวไม่ถึง 15 นาที แค่ได้ถ่ายรูปกันนิดหน่อย

เกาะไข่ เป็นเกาะขนาดเล็ก ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเกาะหลัก 2 เกาะ คือ เกาะตะรุเตา กับ เกาะอาดัง ราวี เกาะที่สวยงามแห่งนี้ถูกหลอมรวมกับก้อนหินที่ถูกสร้างขึ้นโดยธรรมชาติ ชายหาดบนเกาะไข่จะมีสีเหมือน เปลือกไข่ นอกจากนี้ เกาะไข่ยังเป็นแหล่งที่วางไข่ของเต่าจำนวนมากอีกด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เรียกเกาะแห่งนี้ว่า "เกาะไข่"











เวลาอันน้อยนิด แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้แวะ และเราก็จบทริปนี้เมื่อขึ้นฝั่งอีกครั้งที่ท่าเรือปากบารา พวกเราต่างก็แยกย้ายกันกลับ คณะใหญ่กลับโดยรถตู้สู่กรุงเทพมหานคร บางคนก็นั่งรถโดยสารไปหาดใหญ่เพื่อนั่งเครื่องบินกลับที่หาดใหญ่ ส่วนเราเองกลับโดยเครื่องบินที่สนามบินตรัง สู่กรุงเทพมหานครอย่างปลอดภัย



No comments:

Post a Comment

ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......