Wednesday 12 February 2020

Europe 2019(3) - Krakow Poland

2-3 Dec 2019



ติดตามตอนแรก เวียนนาได้ที่นี่
https://somersetmghm.blogspot.com/2020/02/europe-2019-vienna.html

บูดาเปสต์ ตอน2
https://somersetmghm.blogspot.com/2020/02/europe-20192-budapest.html


ผ่านไป 4 วันแล้ว เป็น 4 วันที่ใช้เวลาคุ้มสุดคุ้ม จนบางคนในคณะบอกว่าเหนื่อย อยากกลับบ้านแล้ว แต่ยังก่อน นี่ยังไม่ถึงครื่งของทริปเลย จะรีบไปไหน จะรีบไปไหน

เมืองที่ 3 ชื่อเมืองคาร์คูฟ (Krakow)  อดีตเมืองหลวงของโปแลนด์ ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้กรุงวอซอร์ในปัจจุบัน เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศโปแลนด์ มีตำนานเล่าขานว่าเมืองคราคูฟนั้นสร้างอยู่บนถ้ำมังกร จึงไม่น่าแปลกใจที่ที่นี่จะมีบรรยากาศคล้ายกับในเทพนิยายปกคลุมอยู่ เสริมด้วยสถานที่ทรงสเน่ห์ซึ่งกระจายอยู่ทั่วเมืองทั้งจัตุรัส ปราสาท และมหาวิหาร ย่านเมืองเก่าต้องมนต์โอบล้อมด้วยพื้นที่ป่าและเป็นที่ตั้งของWawel Cathedral ซึ่งมองลงมาเห็นแม่น้ำ Vistula

ในปี ค.ศ. 1978 ในปีที่ยูเนสโกยกย่องให้ Krakow อยู่ในรายชื่อมรดกโลก คารอล วอยตีวา บาทหลวงแห่งเมืองคาร์คูฟขึ้นเป็นพระประมุขแห่งศาสนจักรนิกายโรมันคาทอลิกเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ถือเป็นพระสันตะปาปาคนแรกที่ไม่ใช่ชาวอิตาลีในรอบ 455 ปี และถือเป็นพระสันตะปาปาชาวสลาฟคนแรก

อ่านประวัติคาร์คูฟแล้วน่าสนใจ จึงตั้งเป้าหมายไปเยือน

จากบูดาเปสต์ เราตื่นแต่เช้ามืด โดยเช่ารถตู้คันเดียวกับที่รับเรามาจากสถานีรถไฟ แต่ครั้งนี้ไปไปส่งที่สถานีรถบัส Népliget ตีห้า ทันทีที่เราเปิดประตูอพาทเม้นท์ออกมา หิมะแรกของปีก็ตกต้อนรับคณะเราพร้อมๆกัน เค้าว่าก่อนหิมะตกจะหนาวมาก จริงเช่นนั้น เมื่อวานหนาวจับจิต พอหิมะตกความหนาวก็คลายไปนิดนึง แต่เราไม่มีเวลาชื่นชมเพราะต้องรีบขึ้นรถ ได้แต่ชมผ่านหน้าต่างแทน

ทุลักทุเลพอสมควรกับการลากกระเป๋าไปบนฟุตบาทที่มีหิมะตกมากองไปทั่ว













รถบัสเข้าท่าตรงเวลา  ทั้งคัน มีพวกเรา 9 คน และฝรั่งอีก 2 คน คนขับ 2 คน สลับกันขับด้วยความสุภาพเรียบร้อย จากบูดาเปสต์ วิ่งขึ้นเหนือ ผ่านเข้างทาง Slovakia ทาง Sahy วิ่งเลาะหมู่บ้านเล็กหมู่บ้านน้อยขึ้นเหนือ ผ่านชายแดนเข้าโปแลนด์ที่ Chyżne นั่งรถชมวิวชนบทท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรยปรายอย่างหนักมาตลอดทาง และหมดหิมะเมื่อข้ามชายแดนโปแลนด์ มีจอดพักรถและเปลี่ยนตัวคนขับกลางทาง











ประมาณบ่ายโมง เราก็เดินทางถึง Kraków Główny เราพักที่นี่ 2 คืน ที่พักเราเลือกอพาทเม้นท์ ตรงข้ามสถานีรถไฟ ชื่อ Pawia Apartments ทุลักทุเลพอสมควรกับการหาทางออกจากสถานีรถบัส ทะลุออกหน้าสถานีรถไฟ เราข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามก็ถึงอพาทเม้นท์ที่เราจองไว้ โชคดีที่เราสามารถใช้ซิมมือถือ โทรถึงอพาทเม้นท์ได้ จนท.จึงออกมารับพวกเรา เราจองห้องพัก 4 ห้อง สำหรับคน 9 คน ซึ่งจริงๆจองแค่ 2 ห้องก็ได้ เพราะโซฟาสามารถดึงออกมาเป็นเตียงนอนได้ แต่เราอยากพักสบายสงสารคนได้นอนโซฟาคงลำบาก เพื่อความเท่าเทียมจึงจองให้ทุกคนได้นอนเตียงสบายๆ








ที่โปแลนด์ ไม่สามารถใช้เงินยูโร ต้องแลกเป็นเงินโปแลนด์ 1 บาท = 0.13 PLN หรือ 1 ยูโร = 4.25 PLN  (เช่นเดียวกับที่ บูดาเปสต์ เราก็ต้องไปร้านแลกเงิน 1 ยูโร = 339.32 HUF )

เข้าที่พักแล้ว เราก็ออกมาเดินไปเมืองเก่า ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 800 ม.  ย่ามใจว่าที่เมืองนี้หิมะยังไม่ตก คงไม่หนาวมากเท่าไหร่ ที่ไหนได้ เดินไปหนาวสะท้านไป เข้าไปเดิน เมืองเก่าได้แค่ปากทาง หน้า St. Mary's Basilica มืดพอดี ก็ได้ชมแสงไฟ และตลาดคริสมาสต์(อีกแล้ว) เดินดูตลาด เห็นขาหมูต้มเค็ม และใส้กรอกน่าทาน ลองซื้อมาช่วยกันชิม เพราะราคาแพงไม่เป็นมิตรกับกระเป๋าตัง ก็อร่อยพอใช้ได้ ชิมอิ่มแล้ว จะเดินต่อก็หนาวเหลือใจ กลับเข้าที่พักดีกว่า




















 







เช้าวันนี้ตื่นมาอย่างสดชื่น เมื่อคืนหัวถึงหมอนก็หลับสนิท อาบน้ำแต่งตัว ออกมาทานอาหารที่ทำกันเองในห้องพัก พร้อมๆกับหิมะแรกตก ก็ต้องเก็บภาพกันสักหน่อย








ทานข้าวเสร็จ เตรียมตัวออกท่องเที่ยว หิมะก็หยุดพอดี ไม่รู้โชคดีที่ไม่ต้องเดินตากหิมะให้ตัวเปียก หรือ โชคร้ายไม่ได้เดินลุยหิมะเล่น

จุดหมายแรกของวันนี้ เราจะไป ปราสาท Wawel Cathedral และไปดูรูปหล่อมังกรพ่นไฟ Smok Wawelski ตำนานของเมืองนี้  หลังจากนั้นจะไปเหมืองเกลือใต้ดิน Wieliczka Salt Mine เย็นๆก็จะกลับมาเดินเมืองเก่าอีกครั้ง

จากที่พักเราขึ้นรถเมลล์สาย 179,304 มาลงที่่เชิงสะพาน Most Dębnicki แล้วเดินเลียบแม่น้ำ Vistula ไปจนถึงจุดแรก คือ รูปหล่อมังกรพ่นไฟ Smok Wawelski
















จากมังกรพ่นไฟ เดินขึ้นเนินไปก็จะเป็น Wawel Royal Castle ศิลปะแบบเรอเนสซองส์ มีความงดงามโดดเด่นเป็นที่เล่าขาน  เนื่องจากในอดีต ที่นี่เคยเป็นพระราชวังหลวง กษัตริย์โปแลนด์นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 เป็นต้นมาประทับที่นี่













เราเดินทะลุไปลงเนินทางด้านหน้าปราสาท และกลับมาขึ้นรถเมลที่ป้ายเดิม เพื่อเดินทางต่อไปเหมืองเกลือ










นั่งรถเมลสาย 304 ประมาณ 30 นาที ลงที่ป้ายเหมืองเกลือ Wieliczka Salt Mine

เหมืองเกลือวิเอลิคชกาเป็นเหมืองเกลือที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีประวัติศาตร์การทำเกลือมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 ทำต่อเนื่องมานับ 1,000 ปี จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1978 และเพิ่งจะหยุดทำเกลือเมื่อปี ค.ศ. 1996 นี่เอง

ตำนานของเหมืองเกลือแห่งนี้ เจ้าหญิง Kinga แห่งฮังการีกำลังเดินทางมาโปแลนด์เพื่ออภิเษกกับเจ้าชายแห่งกรากุฟ (Krakow) เจ้าหญิงได้อธิษฐานและโยนแหวนของเธอลงไปในเหมืองแร่ที่บ้านเกิดในฮังการี เมื่อเธอเดินทางมาถึงกรากุฟ เธอก็ให้คนขุดผืนดินที่นั่นเป็นหลุมลึกลงไป ปรากฏว่าในหลุมนั้นไม่เพียงแต่จะพบแหวนวงเดิมที่เธอโยนทิ้งไว้ที่ฮังการี หากยังพบผลึกเกลือจำนวนมาก อันเป็นมูลเหตุในการริเริ่มทำเหมืองเกลือในโปแลนด์ เจ้าหญิง Kinga ถูกยกย่องให้เป็นเทพีแห่งเกลือตั้งแต่นั้น

 จากพื้นดิน เหมืองเกลือสร้างอาณาจักรในแนวดิ่งสูง 372 เมตร แบ่งออกเป็น 9 ชั้น มีห้องที่ถูกขุดไว้ราว 2,000 ห้อง มีทางเดินซับซ้อนและทะเลสาบใต้ดินที่ทอดยาวรวมระยะทางได้กว่า 300 กิโลเมตร การลงไปเหมืองเกลือ ต้องเดินลงบันไดวนเกือบ 400 ขั้น ลึกลงไปราว 150 เมตร เพื่อชมนิทรรศการและการทำเหมืองเกลือจริงๆ

พวกเราลงรถเมลล์ หิมะก็ตกต้อนรับพวกเรามาโครมใหญ่ และก็หยุดตกในเวลาไม่ถึง 5 นาที




บรรยากาศภายในเหมืองเกลือ

























กลับจากเหมืองเกลือ ตั้งใจจะไปเดินเมืองเก่า แต่ผ่านตลาดซะก่อน เลยเลี้ยวเข้าตลาด ซื้อเสบียงเพิ่มเติม และกลับที่พักทำอาหารทานกัน ก็เป็นอันจบทริป คาร์คูฟเพียงเท่านี้  พรุ่งนี้เช้า เราจะเดินทางต่อไปทางเหนือสุดของโปแลนด์ เมืองติดทะเลสาปบอลติค ชื่อเมืองกดันส์ ติดตามได้ที่

https://somersetmghm.blogspot.com/2020/02/europe-20194-gdansk-poland.html


No comments:

Post a Comment

ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......