Thursday, 15 November 2018

ใบไม้เปลี่ยนสีรอบๆโตเกียว 2

Fukushima (Urabandai)
22 Oct 2018



ตอนแรกของการเดินทาง
http://somersetmghm.blogspot.com/2018/11/1.html

วันที่3 ของการเดินทาง วันนี้เราจะออกจากนิคโก้แต่เช้า ขับรถล่องขึ้นเหนือมุ่งหน้าไป Urabandai เมือง Fukushima และแวะเที่ยวรายทางไปเรื่อยๆ

เช้านี้อุณหภูมิ  6 องศา  ต่ำกว่าเมื่อวาน อากาศเย็นสบายดีมาก  หลังจากทานกาแฟ ขนมปัง เราก็เก็บข้าวของเตรียมออกเดินทาง ร่ำลาเจ้าของบ้านขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันเล็กน้อย







เช้าๆยังเงียบสงบ แต่รถที่มุ่งหน้าไปน้ำตกหางแถวเริ่มมีมาถึงสะพานแดงแล้ว แสดงว่าวันนี้ต้องติดหนักกว่าเมื่อวาน ลาละนะนิคโก้ เราคงไม่ได้พบกันอีกต่อไปแล้ว  ก่อนจากขอแวะสะพานแดง จุดแวะที่ไม่แวะไม่ได้





จากนั้นเราก็ออกเดินทางกันต่อ แวะร้านกาแฟข้างทางสักนิด มีป้าเฝ้าร้านแต่ชงกาแฟไม่เป็น หลังจากส่งภาษาที่คุยกันไม่รู้เรื่องทั้งสองฝ่าย ก็พอจะเข้าใจได้ว่าให้รอ ลุง สักเดี๋ยว ระหว่างนี้ ป้าก็เอาผักดองสินค้าโอท้อปของร้าน ใส่จานเล็กๆให้ลองชิมกัน ก็ขำๆกันว่า เราจะต้องกินกาแฟแกล้มผักดองกันแน่  สักพักลุงก็มา คนญี่ปุ่นนี่ต้องชื่นชมในอัธยาศัยเลย น่ารัก เป็นกันเองมาก กิ๊บเก๋ด้วยที่บดกาแฟแบบโม่หินเล็กๆ








 โอ้เอ้กันสักพักก็เดินทางกันต่อ  จุดแวะต่อไปคือ Tō-no-Hetsuri (https://goo.gl/maps/R4SxwQP2u9P2 )  ภูเขาที่มีรูปร่างแปลกตา เกิดจากการทับถมของหินภูเขาไฟเมื่อประมาน 28 ล้านปี หน้าผาหินที่เกิดการกัดกร่อนโดยลมและฝนกัดเซาะ เป็นเวลาล้านปีเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแปลกตา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถชมวิวที่สวยงามตระการตาทั้งในระยะไกลและระยะใกล้ และในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแบบนี้ ที่นี่จึงเป็นอีกจุดสำหรับชมวิวที่ไม่ควรพลาด




เราขับรถมายังสถานีรถไฟ Tonohetsuri Station และเลยเข้ามาสุดถนนประมาณ 500 เมตร จะเป็นลานจอดรถ ที่ตรงลานจอดรถจะมีชานยื่นให้เราไปยืนเก็บภาพสะพานแขวนและหน้าผา Tō-no-Hetsuri ที่อยู่เบื้องล่าง ก่อนที่เราจะเดินเลาะลงไปข้างล่าง ข้างๆจุดถ่ายภาพมีร้านค้าขายสินค้าโอท้อปยอดนิยมของญี่ปุ่น คือพวกผักดองต่างๆ และมิโซะ พร้อมมีซุปมิโซะและถาดผักดองให้ชิมกันได้ฟรี



 ทางลงเป็นทางเล็กๆแคบๆแต่ปลอดภัย มีนักท่องเที่ยวพอประปราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นที่มาเที่ยวกันเป็นหมู่คณะ และมีความสุขกับการชิมผักดอง อาหารพื้นบ้าน และเดินเที่ยวกัน

ใบไม้ยังไม่ค่อยเปลี่ยนสีเท่าไหร่นัก ถ้าเปลี่ยนสีเต็มที่คงสวยยิ่งนัก












 


จุดแวะต่อไปคือ หมู่บ้านโบราณ Ouchi-juku (https://goo.gl/maps/ZMnsEGmPqVr)   หลายร้อยปีก่อนในสมัยเอโดะ หมู่บ้านแห่งนี้เป็นเสมือนแหล่งที่พัก ตั้งขนาบข้างถนนหลักที่มีชื่อว่าถนนชิโมสึเคะ (Shimotsuke) ถนนเส้นนี้เคยเป็นเส้นทางหลักในการคมนาคมและการค้า เชื่อมต่อระหว่างอาณาจักรไอสึ (Aizu city ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัด Fukushima และจังหวัด Niigata) และเมืองอิไมชิ (Imaichi จังหวัด Tochigi)

เหล่านักเดินทางนิยมมาพักแรมในระหว่างการเดินทาง เนื่องจากที่นี่มีทั้งอาหารและแหล่งที่พักครบครัน บ้านโบราณถูกสร้างเมื่อหลายร้อยปีก่อน เป็นบ้านชาวนาญี่ปุ่นโบราณที่มุงหลังคาทรงหญ้าคาหนาๆเรียงรายกันสองฝั่งกินระยะทางประมาณ 500 เมตร โดยรวมมีบ้านโบราณประมาณ 40 – 50 หลัง ปัจจุบันหมู่บ้านโออุจิจูคุได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ






จาก Tō-no-Hetsuri   มายัง Ouchi-juku  ระยะทาง 10 กม. ใช้เวลาไม่นานก็เดินทางถึง จากลานจอดรถด้านหน้า เราเดินข้ามถนนเข้าหมู่บ้าน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่น มาเที่ยวและซื้อของ และน่าชื่นชมที่ร้านค้าที่มีสองข้างทางขายสินค้าไม่ซ้ำกันเลย ทั้งงานฝีมือหรือสินค้าโอท้อป สวยๆ ทำให้นักท่องเที่ยวเพลิดเพลินกับการเดินดูของและถ้าชอบก็ต้องรีบซื้อเพราะจะมีแค่ร้านนั้นร้านเดียว เราจึงเห็นคนญี่ปุ่นหิ้วถุงกันแทบทุกคน

เดินกันเพลินๆชมร้านขายของไปไม่ไกล สัก 600 เมตร ก็ถึงจุดชมวิวหมู่บ้าน เดินขึ้นเนินไปสักเล็กน้อย จะมองเห็นหมู่บ้านทั้งหมู่บ้าน


















จากหมู่บ้านโบราณแห่งนี้ ที่จริงในแผนเรามีจุดแวะอีก 2-3 แห่ง คือ สถานีรถไฟ Yunokami Onsen Station ที่ยังเป็นบ้านญี่ปุ่นโบราณที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น มีออนเซนเท้าให้นั่งแช่เท้าฟรีๆด้วย และยังเป็นจุดถ่ายภาพรถไฟเข้าสถานีกับใบไม้เปลี่ยนสี และซากุระบาน ที่สวยที่สุดจุดหนึ่ง

และอีกจุดคือ ปราสาทไอสึ Tsuruga-jō  ที่จะสวยมากยามใบไม้เปลี่ยนสี หรือ หน้าซากุระบาน

แต่เรามาใบไม้ยังไม่ค่อยเปลี่ยนสี และบ่ายมากแล้ว ที่พักก็ยังอยู่อีกไกล หิวด้วย ขอผ่านไปก่อน แวะหาข้าวทานดีกว่า

ก่อนมาอ่านรีวิว บอกว่าให้แวะมาทานอาหารที่ร้าน Medetaiya (https://goo.gl/maps/3W5Nfrfve5Q2) อาหารอร่อยไม่แพงและจานยักษื ที่เค้าแนะนำคือ ไดเมียวทงคัทซึ และ โซบะ แต่เราไม่ได้เลือก ต่างคนต่างเลือกที่ชอบที่ชอบ และ กลัวจานใหญ่ทานไม่หมด เลยเลือกจานเล็กแทน









 อิ่มแล้ว เย็นมากแล้ว เรารีบเข้าที่พักดีกว่า คืนนี้เราเลือกนอนริมทะเลสาปที่ Urabandai ชื่อ BANDAI LAKESIDE GUESTHOUSE  ราคาไม่แพงมากนัก และ คะแนนรีวิวสูงมาก ราคาที่พักพร้อมอาหารเช้า และเราเพิ่มให้จัดอาหารเย็นให้ด้วย เพราะดูแล้วร้านค้าในละแวกนั้นคงหายาก ฝากท้องไว้กับที่พักดีกว่า คิดเพิ่มแค่คนละ 1,000 เยน

เราถึงที่พักก็มืดพอดีประมาณ 18.00 น. เช็คอินเข้าที่พักแล้วเก็บข้าวของสักพักก็มาทานอาหารเย็นกัน อาหารเป็นอาหารชุดแบบญี่ปุ่น และ หม้อไฟนาเบะ  อร่อยและคุ้มราคามาก เรายังไม่เห็นวิวอะไรเพราะมาถึงมืดแล้ว พรุ่งนี้ค่อยว่ากันว่า เราเลือกถูกไม๊ที่มาพักที่นี่






พรุ่งนี้ใบไม้เปลี่ยนสีที่ Urabandai จะสวยแค่ไหน ติดตามได้ที่นี่
http://somersetmghm.blogspot.com/2018/11/3.html


No comments:

Post a Comment

ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......