Sunday, 3 December 2017

Kunming-Dali-Lijiang-Shangrila (6)

วันที่5 (8/11/2017) Shangrila-Songzanlin Temple-Lijiang-Black Dragon pool

ดูโพสก่อนหน้านี้

เตรียมการเดินทาง
https://somersetmghm.blogspot.com/2017/12/kunming-dali-lijiang-shangrila.html

วันแรกการเดินทาง Bangkok-Kunming
https://somersetmghm.blogspot.com/2017/12/kunming-dali-lijiang-shangrila-2.html

วันที่2 : Jade Dragon snow mountain , Lijiang
https://somersetmghm.blogspot.com/2017/12/kunming-dali-lijiang-shangrila-3.html

วันที่3: The First Bend of the Yangtze River , Old Town Shangrila
 https://somersetmghm.blogspot.com/2017/12/kunming-dali-lijiang-shangrila-4.html

วันที่4 : Shika snow mountain ,  Napa Haiguiqing Grassland
 http://somersetmghm.blogspot.com/2017/12/kunming-dali-lijiang-shangrila-5.html




 วันนี้เช้าก่อนจะออกจากแชงกรีล่า จะแวะไปวัด Songzanlin Temple บ่ายจะเดินทางกลับมาพักที่เมืองลี่เจียง อีกครั้ง และช่วงเย็นจะเดินเที่ยวในเมืองเก่าลี่เจียง

ก่อนจะไปวัดซงจ้านหลิน ก็ขอแวะชมเมืองแชงกรีล่า กันสักหน่อย





วัดลามะซงจ้านหลิน (Songzanlin) เป็นวัดใหญ่ที่สำคัญของเมืองแชงกรีลา อยู่ห่างจากตัวเมืองจงเตี้ยนไปทางเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นวัดนิกายลามะแบบทิเบตที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลยูนนานอายุเก่าแก่กว่า 300 ปี




การเดินทางมายังวัด เราจะต้องซื้อตั๋วรถบัสเพื่อเข้าไปยังวัด และจอดรถของเราไว้ที่จุดซื้อตั๋ว จากนั้นขึ้นรถบัสของทางวัดที่ใช้เวลาเดินทางไม่ไกลนัก แต่ถนนที่ไปยังตัววัดแคบมากๆ และผ่านชุมชนบ้านเรื่อนชาวบ้าน ดังนั้นการให้นั่งรถบัสจึงเป็นวิธีที่ดี ในการที่จำกัดการเข้าออกวัดและไม่รบกวนคนในชุมชนมากเกินไป









จากลานจอดรถ วัดซงจ้านหลิน ก็เผยโฉมให้เห็น







เข้าวัดซะหน่อย
















ออกจากวัด เราก็ออกเดินทางออกจากแชงกรีล่า มุ่งหน้ากลับมาลี่เจียง แวะกินอาหารกลางวันแบบจัดเต็มที่ร้านอาหารที่เคยมาทานตอนขามา การเดินทางมาเป็นกลุ่มคณะก็ดีไปอย่างในแง่การหาร้านอาหารรับประทานสำหรับที่นี่ เพราะร้านอาหารที่นี่ให้ปริมาณอาหารแบบชามเปลใหญ่เบิ้ม ถ้ามาแค่ 2-3 คน เราคงเสียดายไม่กล้าสั่งเยอะ แต่พอมากันคณะใหญ่ เลยจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ เต็มโต๊ะ และเกือบทุกมื้อก็จัดกันแบบนี้ หมดเกลี้ยงทุกครั้ง นับเป็นคณะทัวร์อยู่เพื่อกินกันโดยแท้ เห็นจัดเต็มชุดใหญ่อย่างนี้ ค่าอาหารแต่ละมื้อประมาณ 2 พันบาท สำหรับ 10 คน ซึ่งก็อยู่ในงบที่ตั้งไว้แต่แรก  จบทริปยังมีเงินเหลือคืนสมาชิกให้ช้อปปิ้งที่คุนหมิงอย่างครื้นเครง






แวะล้างรถอีกนิด






เข้าเมืองลี่เจียง จุดแรกที่แวะคือ สระน้ำมังกรดำ (Heillongtan, Black Dragon Pool) หรือเฮยหลงถัน อยู่ในสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ซึ่งเรียกว่า สวนยู้วฉวน (Yuquan) สระมังกรดำ นี้มีที่มาจากตำนานเล่าขานกันว่าในอดีตมีคนพบเห็นมังกรดำปรากฏกายใต้น้ำบ้าง ผุดขึ้นมาจากสระน้ำบ้าง บรรยากาศภายในสวนนั้นเงียบสงบและงดงามด้วยบึงน้ำใสสะอาดสะท้อนภาพทิวทัศน์ของเทือกเขาหิมะมังกรหยกได้อย่างชัดเจน ว่ากันว่าทิวทัศน์ของเทือกเขาหิมะมังกรหยกที่มองจากบริเวณสระมังกรดำเป็นหนึ่งในทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดของจีน














เย็นมากแล้ว ถึงเวลาต้องเข้าที่พักซะที วันนี้เลือกพักที่  Lijiang Lize Graceland Merry Inn เพราะเข้าใจผิดคิดว่าอยู่ริมถนนใกล้จุดกังหันน้ำ ที่จริงโรงแรมอยู่บนเขา ถึงจะไม่ได้อยู่ริมถนน แต่ก็เดินไม่ไกลนัก การที่โรงแรมอยู่บนเนิน ก็ดีไปอย่างเพราะเราสามารถมองเมืองเก่าลี่เจียงจากมุมสูงได้











 หลังจากเก็บของเข้าที่พัก เราก็ออกเดินชมเมืองเก่า ความที่อยู่ที่สูงก็ต้องเดินลัดเลาะลงบันไดลงมาในที่ราบ มาตั้งต้นที่กังหันน้ำ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก

เมืองโบราณลี่เจียง เมืองเก่ากว่า 800 ปี ที่มีสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแตกต่างไปจากเมืองโบราณอื่นๆของจีน เนื่องจากเป็นเมืองที่เป็นที่ตั้งรกรากของชาวหน่าซี หรือนาซี มาตั้งแต่สมัยโบราณ เมืองนี้ยังได้รับการขนานนามว่า "เวนิสแห่งตะวันออก" และเป็นเมืองมรดกโลกอีกด้วย และเมืองโบราณลี่เจียงเองก็ยังคงรักษาความงามในอดีตไว้ได้เป็นอย่างดี มีทางเดินที่ปูด้วยหินอัดแน่น อาคารไม้แบบจีนโบราณ ลำธารที่ไหลผ่านเกือบทุกหลังคาเรือน สะพานโค้งหินเก่าแก่ ต้นหลิวริมลำธารที่กิ่งใบลู่ไหวไปตามสายลม ถนนแต่ละสายในเขตเมืองเก่าจะมาบรรจบกันที่ตลาดสี่เหลี่ยม “ซื่อฟางเจีย” ศูนย์กลางการซื้อขายสินค้า












 ก่อนจะเดินชมเมืองเก่า ก็ต้องหาอาหารเย็นทานกันก่อน น่าชื่นชมร้านอาหารชื่อดังอย่าง สตาร์บัค เคเอฟซี หรือ แมคโดนัล ต่างก็ตกแต่งร้านในสไตล์เมืองเก่าอย่างกลมกลืน






 ในที่สุดเราก็เลือกร้านอาหารได้ร้านนึง สั่งติ่มซำ เกี๊ยวซ่า และข้าวต้ม มาทาน แต่เราเจอทีเด็ด ข้าวต้มหวานเจี๊ยบ นึกถึงตอนเห็นบ๋อยที่แชงกรีล่า กินข้าวต้มใส่น้ำตาล 3 ช้อน นึกว่าเป็นความชอบส่วนตัว ที่ไหนได้มันเป็นอาหารของคนที่นี่ แต่เราก็เห็นบ๋อยกินกับผักดองแบบข้าวต้มนี่  ที่เด็ดกว่า ก็พ่อครัวและคนในร้านทุกคนมารุมดูพวกเรากินอาหาร คงนึกสังเวชพวกเราว่าจะกินข้าวต้มหวานกับกับข้าวยังไง และก็จำไม่ได้ว่าพวกเราที่สั่งข้าวต้มหวานมาทานได้หรือทานหมดหรือไม่




 ทานกันเสร็จก็ได้เวลาเดินชมเมืองเก่ากันแล้ว  เดินแล้วก็ต้องซื้อด้วยสิถึงจะได้อรรถรสในการชมเมือง















 และก็หมดเวลาสำหรับยามค่ำที่เมืองเก่าลี่เจียง ที่สวยแค่ความเป็นเมืองเก่าของอาคารบ้านเรือนเท่านั้น แต่วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ กลับไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นเมืองเก่า ตามริมตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยคลับ บาร์ ส่งเสียงอึกทึก  ร้านค้าก็ขายกันแต่สินค้าของใช้ ของที่ระลึก มันกลายเป็นเมืองเก่าแต่เปลือก จัดฉากสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ใช่เมืองสำหรับชาวเมือง สู้ด้านนอกของเมืองเก่าที่เราพักกันวันแรก ยังดูเป็นเมืองที่สงบเงียบและเห็นคนที่นี่ใช้ชีวิตแบบเป็นจริง ไม่ว่าจะร้านค้าต่างๆที่ขายของที่จำเป็น ร้านอาหารที่ขายอาหารที่คนที่นี่รับประทาน

แต่ถึงยังไง ลี่เจียงก็ยังเป็นสถานที่น่ามาเยี่ยมชม น่ามาเดินและพักสัมผัสกับความเป็นเมืองเก่า แกล้งไม่สนใจแสงสีเสียงที่ครึกโครม และให้ความสนใจกับความเป็นเมืองเก่าที่ยังคงเป็นเมืองเก่าที่สมบูรณ์จนได้รับเลือกให้เป็นเมืองมรดกโลก

ด้วย 3 เหตุผลที่ทำให้ลี่เจียงได้รับเลือกจากยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลก คือ ลี่เจียงเป็นเมืองเก่าที่ชนเผ่านาซีอาศัยอยู่ มีสถาปัตยกรรมจีนโบราณที่สวยงาม หน้าบานทุกหลังจะมีแม่น้ำไหลผ่าน มีการค้าขายของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยว เหตุผลต่อมาคือ ลี่เจียงมีแม่น้ำ 3 สายไหลขนานกัน ได้แก่ แม่น้ำจินซาเจียง ไหลไปเซี่ยงไฮ้ แม่น้ำโขง ไหลไปเขมร และแม่น้ำหลู่เจียง ไหลไปพม่า แต่แม่น้ำสามสายไม่เคยไหลมาบรรจบกันเลย เพราะตรงกลางของแม่น้ำ มีภูเขาเหล่าจินกั้นกลางแม่น้ำสามสาย และสุดท้ายมีหมู่บ้านแห่งหนึ่งอยู่ข้างทะเลาบ หลูกู เป็นหมู่บ้านหญิงล้วน เด็กๆ จึงไม่มีพ่อ ไม่มีปู่ มีแต่แม่กับยาย เท่านั้น




 พรุ่งนี้เช้า จะลองสำรวจว่าเมืองเก่านี้ยามเช้าจะเป็นเช่นไร ติดตามชมได้ที่นี่
https://somersetmghm.blogspot.com/2017/12/kunming-dali-lijiang-shangrila-7.html




No comments:

Post a Comment

ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......