Sunday 9 June 2024

Zhangjiajie-Furong-Fenghuang #4

 สะพานกระจกจางเจี่ยเจี้ย ( Zhangjiajie Grand Canyon )


ผ่านไปแล้ว 3 ตอน อ่านย้อนหลังได้ที่

ตอนที่ 1 Changsha เริ่มต้นทริป

ตอนที่ 2เมืองโบราณเฟ่งหวง ( Fenghuang)

ตอนที่ 3 เมืองโบราณฟู่หรง (Furong Ancient Town)

ตอนที่ 4 สะพานกระจกจางเจี่ยเจี้ย ( Zhangjiajie Grand Canyon )




แกรนด์แคนยอนเมืองจีน หรือ หุบเขาลังฉวน (LANCHAUNXIA) หรืออีกชื่อหนึ่งว่า หุบเขาลั่วฉวน ที่เที่ยวแห่งใหม่ของจางเจียเจี้ย ลัดเลาะไปตามหุบเขาที่มีแม่น้ำไหลมาจากหลายทิศทางของภูเขา ตื่นตากับโตรกผาธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่อลังการ พร้อมล่องเรือไปตามแม่น้ำ ชมความงดงามอย่างใกล้ชิด อีกหนึ่งความมหัศจรรย์แห่งจางเจียเจี้ยที่ธรรมชาติสร้างไว้ได้อย่างลงตัว 

“สะพานกระจกจางเจี่ยเจี้ย” เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2016 เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในโลกยาวถึง 430 เมตร และข้ามหุบเขาลึกที่ลึกถึง 300 เมตร  สามารถบรรจุคนได้ถึง 800 คน พื้นสะพานปูด้วยกระจกนิรภัยใส 99 แผ่น สลับกับทางเดินเหล็กทึบธรรมดา และมีระเบียงราวจับสูงตลอดทางเดินเพื่อความปลอดภัย เพราะฉะนั้นมั่นใจเรื่องความแแข็งแรงและความปลอดภัยได้เลย การันตีขนาดนี้ แต่เวลาไปจริงๆ เค้ากลับห้ามนำแก้วน้ำ หรือโลหะพกเข้าไป นัยว่าเคยมีคนเอาขวดน้ำเข้าไปและทำตก พื้นเกิดรอยร้าว เอ๊ะยังไง แต่ที่แน่ๆคือ หลานชายมีขวดน้ำโลหะเก็บความเย็น เค้าไม่ให้ผ่านต้องเอาไปฝากล็อคเกอร์ด้านนอก  

สะพานนี้เป็นทางเชื่อมระหว่าง2 ภูเขา หรือสองหน้าผา พอมองไปด้านข้างเราก็จะเห็นวิวแนวเขาที่สลับซ้อนทับกันไป และถ้าก้มลงไปมองด้านล่างก็จะเห็นสายน้ำของแกรนด์แคนยอนสวยๆ ซึ่งเมื่อเราเดินผ่านสะพานแก้วนี้ไปสุดทางแล้ว  จะมีทางเดินเลียบหน้าผา ไปยังลิฟต์หรือซิปไลน์ เพื่อลงไปยังท่าเรือด้านล่าง เพื่อนำไปยังเส้นทางเดินป่า จนถึงทางออก

เราออกเดินทางจากเมืองโบราณฟู่หรง และมาถึงเมืองจางเจี่ยเจี้ย เกือบเที่ยง ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงประมาณ 1 ชั่วโมง จากสถานีรถไฟ เราเรียกแท๊กซี่ให้ไปส่งที่ Wulingyuan ซื่งเป็นจุดที่เราจะพักเพื่อ เข้าหุบเขาอวตาร และ มายังสะพานกระจกแกรนด์แคนยอน แห่งนี้ 


หลังจากเข้าที่พัก ทางที่พักเสนอขายตั๋วเข้าแกรนด์แคนยอนซึ่งหลานชายตรวจสอบแล้วราคาถูกกว่าที่หาข้อมูลมา ก็เลยซื้อผ่านทางโรงแรมเลย แต่ที่จริงไปซื้อหน้างานก็ได้ เพราะมีช่องขายตั๋วเยอะ คนไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่  ที่นี่มีดีที่ มีส่วนลดสำหรับผู้สูงอายุด้วย 





หลังจากหาข้าวทานแล้ว เราก็เรียนแท๊กซี่ไปส่งที่ทางเข้าสะพานแก้ว  ซื่อเมื่อมาถึงทางเข้าแรก รถแท๊กซี่ไม่ได้จอดให้เราลง แต่พาขึ้นไปบนเขาซึ่งเป็นทางเข้าสะพานแก้ว  และทางที่เราเห็นไม่ใช่ทางเข้าแต่เป็นทางออก  ถ้าดูตามนี้หมายความว่า เราจะเริ่มเดินที่สะพานแก้ว แล้ววนลงมาด้านล่างเพื่อกลับไปยังทางออกนั่นเอง  ระยะทางจากทางออกด้านล่างเชิงเขา กับทางเข้าด้านบน จับระยะตาม GPS ประมาณ 5 กม.  






เราเอารหัสที่ซื้อจากโรงแรม มาแสดงตัวที่ช่องขายบัตร เพื่อแลกหางตั๋วจริงและต้องเก็บไว้เพื่อใช้สำหรับ ผ่านเข้าสะพานแก้ว ลงลิฟต์ นั่งซิปไลน์ หรือ สไลเดอร์ และ นั่งเรือ

เมื่อผ่านประตูมาแล้ว ต้องรับถุงเท้าผ้าที่ใส่ครอบรองเท้า เพื่อเดินบนสะพานแก้ว ตอนนี้ก็ออกมาชมสะพานแก้วได้แล้ว







ก่อนมาก็หวั่นๆกับความสูง ว่าจะเดินผ่านไปแบบขาสั่นไม๊  แต่พอมาเดินจริงๆ ชิวมากเลย เพราะเค้ามีทั้งทางกระจกและทางพื้นทึบ ถ้ากลัวก็เดินพื้นทึบ ถ้าไม่กลัวก็เดินบนกระจก และเนื่องจากเปิดใช้มาหลายปีแล้ว พื้นกระจกที่เคยใสแจ๋ว ก็เหลือเป็นฝ้าขุ่นๆ มองเห็นด้านล่างรำไร ลดความน่ากลัวไปเยอะ 

นักท่องเที่ยว บางคนนั่ง บางคนนอน ถ่ายภาพกันสนุกสนาน 










วิวจากบนสะพานก็อลังการงานสร้างจริงๆ














เมื่อเดินไปสุดสะพานแก้ว ข้ามจากหน้าผานึง ไปอีกหน้าผานึง จะมีทางเดินเลียบหน้าผา ซึ่งเมื่อมองจากสะพานแก้ว จะดูหน้าหวาดเสียว แต่เวลามาเดินจริงๆเหมือนเดินบนทางเดินธรรมดา ไม่ได้น่ากลัวแต่อย่างใด






เมื่อสิ้นสุดทางเดินเลียบหน้าผา จะมีทางให้เลือก 3 ทาง เพื่อลงไปยังพื้นราบด้านล่าง  

ทางแรกคือลงลิฟต์ตามปกติจากด้านบน มายังพื้นด้านล่าง ซึ่งมีการเปลี่ยนลิฟต์ 2 ครั้ง ความสูง 300 เมตร นี่จะเท่ากับตึกกี่ชั้นกันนะ 



ทางที่2 คือ นั่งซิปไลน์ จากหน้าผาด้านนึง ไปอีกด้านนึง เมื่อไปถึงอีกด้านแล้ว ก็เปลียนเป็นสไลเดอร์ ไถลงมาด้านล่าง 






และวิธีสุดท้าย คือลงลิฟต์ มาครึ่งทาง และต่อด้วยสไลเดอร์มาด้านล่าง  



ด้านล่าง จะเป็นท่าเรือ และมีทางเดินเลียบทะเลสาป ระยะทางน่าจะประมาณ 2 กก. ซึ่งหมายความว่า เป็นออปชั่นให้เลือก ถ้าไม่อยากเสียเงินก็เดินไปอีกด้านของทะเลสาป  แต่คณะเราขอนั่งเรือดีกว่า เพราะยังมีระยะทางที่ต้องเดินป่าอีกหลายกิโลเบื้องหน้า







จากทะเลสาปด้านนึงไปอีกด้านนึง จะผ่านน้ำตกริมทาง 







สุดอึกด้านของทะเลสาป จะเป็นสันเขื่อนเล็กที่เราลงจากเรือ และเริ่มการเดินเท้า เลียบลำธาร ชมลำธาร และป่าทึบ ไปตลอดเส้นทาง น่าจะประมาณมากกว่า 3 กม. เดินกันเหนื่อยเลยละ ดีว่าเป็นทางลงบันใดสลับไปไม่ต้องปีนขึ้นให้เหนื่อยยากกว่านี้







เส้นทางรื่นรมย์มาก บางช่วงก็เดินเลียบชะง่อนผา บางช่วงก็เป็นบึงที่น้ำเป็นสีเขียวมรกต








ใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดทางเดินป่า จะผ่านถ้ำใหญ่แห่งหนึ่ง








สิ้นสุดการเดินป่า จะเป็นท่าเรือ พาไปส่งที่ท่าเรือทางออก จุดสิ้นสุด


กลับมาที่ หวู่หลิงหยวน เราหาอะไรทานมื้อเย็นกันใกล้ๆที่พัก เลือกร้านที่มีคนพื้นที่เค้าเข้ากัน ก็ไม่ผิดหวัง รสชาดอาหารใช้ได้เลย อาหารตามสั่งที่นี่เค้าให้ปริมาณมากจริงๆ อร่อยแต่ค่อนข้างเค็มไปนิด





พรุ่งนี้เราจะเข้า หุบเขาอวตารกัน ติดตามกันต่อได้นะคะ

No comments:

Post a Comment

ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......