สะพานกระจกจางเจี่ยเจี้ย ( Zhangjiajie Grand Canyon )
ผ่านไปแล้ว 3 ตอน อ่านย้อนหลังได้ที่
ตอนที่ 1 Changsha เริ่มต้นทริป
ตอนที่ 2เมืองโบราณเฟ่งหวง ( Fenghuang)
ตอนที่ 3 เมืองโบราณฟู่หรง (Furong Ancient Town)
ตอนที่ 4 สะพานกระจกจางเจี่ยเจี้ย ( Zhangjiajie Grand Canyon )
แกรนด์แคนยอนเมืองจีน หรือ หุบเขาลังฉวน (LANCHAUNXIA) หรืออีกชื่อหนึ่งว่า หุบเขาลั่วฉวน ที่เที่ยวแห่งใหม่ของจางเจียเจี้ย ลัดเลาะไปตามหุบเขาที่มีแม่น้ำไหลมาจากหลายทิศทางของภูเขา ตื่นตากับโตรกผาธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่อลังการ พร้อมล่องเรือไปตามแม่น้ำ ชมความงดงามอย่างใกล้ชิด อีกหนึ่งความมหัศจรรย์แห่งจางเจียเจี้ยที่ธรรมชาติสร้างไว้ได้อย่างลงตัว
“สะพานกระจกจางเจี่ยเจี้ย” เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2016 เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในโลกยาวถึง 430 เมตร และข้ามหุบเขาลึกที่ลึกถึง 300 เมตร สามารถบรรจุคนได้ถึง 800 คน พื้นสะพานปูด้วยกระจกนิรภัยใส 99 แผ่น สลับกับทางเดินเหล็กทึบธรรมดา และมีระเบียงราวจับสูงตลอดทางเดินเพื่อความปลอดภัย เพราะฉะนั้นมั่นใจเรื่องความแแข็งแรงและความปลอดภัยได้เลย การันตีขนาดนี้ แต่เวลาไปจริงๆ เค้ากลับห้ามนำแก้วน้ำ หรือโลหะพกเข้าไป นัยว่าเคยมีคนเอาขวดน้ำเข้าไปและทำตก พื้นเกิดรอยร้าว เอ๊ะยังไง แต่ที่แน่ๆคือ หลานชายมีขวดน้ำโลหะเก็บความเย็น เค้าไม่ให้ผ่านต้องเอาไปฝากล็อคเกอร์ด้านนอก
สะพานนี้เป็นทางเชื่อมระหว่าง2 ภูเขา หรือสองหน้าผา พอมองไปด้านข้างเราก็จะเห็นวิวแนวเขาที่สลับซ้อนทับกันไป และถ้าก้มลงไปมองด้านล่างก็จะเห็นสายน้ำของแกรนด์แคนยอนสวยๆ ซึ่งเมื่อเราเดินผ่านสะพานแก้วนี้ไปสุดทางแล้ว จะมีทางเดินเลียบหน้าผา ไปยังลิฟต์หรือซิปไลน์ เพื่อลงไปยังท่าเรือด้านล่าง เพื่อนำไปยังเส้นทางเดินป่า จนถึงทางออก
เราออกเดินทางจากเมืองโบราณฟู่หรง และมาถึงเมืองจางเจี่ยเจี้ย เกือบเที่ยง ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงประมาณ 1 ชั่วโมง จากสถานีรถไฟ เราเรียกแท๊กซี่ให้ไปส่งที่ Wulingyuan ซื่งเป็นจุดที่เราจะพักเพื่อ เข้าหุบเขาอวตาร และ มายังสะพานกระจกแกรนด์แคนยอน แห่งนี้
หลังจากเข้าที่พัก ทางที่พักเสนอขายตั๋วเข้าแกรนด์แคนยอนซึ่งหลานชายตรวจสอบแล้วราคาถูกกว่าที่หาข้อมูลมา ก็เลยซื้อผ่านทางโรงแรมเลย แต่ที่จริงไปซื้อหน้างานก็ได้ เพราะมีช่องขายตั๋วเยอะ คนไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่ ที่นี่มีดีที่ มีส่วนลดสำหรับผู้สูงอายุด้วย
หลังจากหาข้าวทานแล้ว เราก็เรียนแท๊กซี่ไปส่งที่ทางเข้าสะพานแก้ว ซื่อเมื่อมาถึงทางเข้าแรก รถแท๊กซี่ไม่ได้จอดให้เราลง แต่พาขึ้นไปบนเขาซึ่งเป็นทางเข้าสะพานแก้ว และทางที่เราเห็นไม่ใช่ทางเข้าแต่เป็นทางออก ถ้าดูตามนี้หมายความว่า เราจะเริ่มเดินที่สะพานแก้ว แล้ววนลงมาด้านล่างเพื่อกลับไปยังทางออกนั่นเอง ระยะทางจากทางออกด้านล่างเชิงเขา กับทางเข้าด้านบน จับระยะตาม GPS ประมาณ 5 กม.
เราเอารหัสที่ซื้อจากโรงแรม มาแสดงตัวที่ช่องขายบัตร เพื่อแลกหางตั๋วจริงและต้องเก็บไว้เพื่อใช้สำหรับ ผ่านเข้าสะพานแก้ว ลงลิฟต์ นั่งซิปไลน์ หรือ สไลเดอร์ และ นั่งเรือ
ทางที่2 คือ นั่งซิปไลน์ จากหน้าผาด้านนึง ไปอีกด้านนึง เมื่อไปถึงอีกด้านแล้ว ก็เปลียนเป็นสไลเดอร์ ไถลงมาด้านล่าง
ด้านล่าง จะเป็นท่าเรือ และมีทางเดินเลียบทะเลสาป ระยะทางน่าจะประมาณ 2 กก. ซึ่งหมายความว่า เป็นออปชั่นให้เลือก ถ้าไม่อยากเสียเงินก็เดินไปอีกด้านของทะเลสาป แต่คณะเราขอนั่งเรือดีกว่า เพราะยังมีระยะทางที่ต้องเดินป่าอีกหลายกิโลเบื้องหน้า
กลับมาที่ หวู่หลิงหยวน เราหาอะไรทานมื้อเย็นกันใกล้ๆที่พัก เลือกร้านที่มีคนพื้นที่เค้าเข้ากัน ก็ไม่ผิดหวัง รสชาดอาหารใช้ได้เลย อาหารตามสั่งที่นี่เค้าให้ปริมาณมากจริงๆ อร่อยแต่ค่อนข้างเค็มไปนิด
No comments:
Post a Comment
ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......