Friday, 7 November 2025

Shanghai และรอบๆ #2(Huangling)

 Huangling

13-14 Oct.2025


ย้อนอ่านตอนก่อนหน้านี้ได้ที่

ตอนแรก Shanghai และรอบๆ #1(Shanghai)

ถ้าถามว่า Huangling คือที่ใด มีอะไรดี คนไทยไม่น้อยคงไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่าหมู่บ้านที่นิยมตากพริกหรือพืชผลการเกษตรบนหลังคาบ้าน หลายๆคนคงเคยเห็นผ่านตามาบ้าง 

หมู่บ้านตากพริก Huangling Village หมู่บ้านชนบทที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในจีน ฉายา “หมู่บ้านโบราณบนหน้าผา ลานตากแห้งธรรมชาติใต้ท้องฟ้า”  เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ AAAAA  หมู่บ้านโบราณ แขวนอยู่บนหน้าผากับประเพณีพื้นบ้านการตากพืชผลการเกษตรเต็มหมู่บ้าน  ทุ่งนาขั้นบันได ทะเลดอกไม้ หมู่บ้านกระท่อม และอาคาร Huizhou โบราณ 

 




จากเซี่ยงไฮ้ พวกเรานั่งรถไฟความเร็วสูงที่สถานีรถไฟ Shanghai South Railway Station มาลงที่สถานี Wuyuan Railway Station ใช้เวลาเดินทางไม่น้อยกว่า 3 ชม.  ที่นี่เราติดต่อกับเจ้าของโรงแรมให้เช่ารถมารับพวกเรา 5 คนที่สถานีรถไฟ ใช้เวลาเดินทางมายังที่พักใกล้ๆทางเข้าหมู่บ้านหวงหลิง ชั่วโมงกว่าๆ 

พวกเราพักโรงแรมโดยเลือกจากในเว็บ Trip.com เจ้าของพูดภาษาอังกฤษพอได้ เลยสื่อสารกันได้ดี เรามาถึงค่ำมากแล้ว หลังจากทานอาหารที่ร้านอาหารข้างๆโรงแรมที่เจ้าของโรงแรมแนะนำให้ อร่อยพอใช้ได้แต่แพงไปหน่อย เทียบกับร้านอาหารที่เราเดินหาเองมื้อต่อไป อร่อยกว่าและราคาย่อยเยากว่ามาก ที่สำคัญอัธยาศัยดีมาก พวกเราอยากทานไข่เจียวเอารูปในเน็ตให้เจ๊ดู กำกับการทอดไข่ให้ฟูกรอบอย่างที่ต้องการ เจ๊แกก็ทำให้ด้วยความยินดี





 

 


 

เรามาถึงมืดมากแล้ว มองวิวที่ระเบียงห้องก็ไม่เห็นอะไร แต่ยามเช้าตื่นมามองออกไปช่างสดชื่นมาก วิวภูเขาด้านหลังดีต่อใจเป็นอย่างมาก วันนี้เราชิวๆกะว่าจะเข้าหมู่บ้านหวงหลิงบ่ายๆ เข้านี้เลยบิดขี้เกียจนอนชมวิวได้จนสายๆค่อยลุกขึ้นมาอาบน้ำ หาอาหารเช้าทานกัน 





เดินหาร้านอาหารเช้าทานกัน กะว่าจะหาน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ทานกัน พอเห็นมีน้ำเต้าหู้ก็เร่เข้าไปเลย แต่เอาเข้าจริง เค้าก็มีอาหารตามสั่งให้เลือกสั่งได้ด้วย ตอนแรกก็ยังงงๆ แค่ชี้ น้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ แต่เห็นเค้ามีข้าวต้มด้วย เท่านั้นความอยากไข่เจียวก็มาเยือน  เราเอารูปไข่เจียวแบบไทยๆให้เจ๊ดู แกก็พยักหน้าว่าทำได้ แต่เพื่อไม่พลาดและเจ๊แกก็ปรุงอาหารอยู่ข้างๆ พวกเราเลยลุกไปกำกับการเจียวไข่ ให้ฟูและกรอบอย่างที่ต้องการ และสั่งอาหารในร้านมาอีก 2-3 อย่าง เล่นเอาเต็มโต๊ะ แต่พอจ่ายเงิน ถูกกว่าเมื่อคืนเกือบเท่าตัว หลังจากนั้นมือเย็นเราก็ผูกปิ่นโตกับเจ๊ กลับมาทานอีกครั้ง กลับมาครั้งที่2 เจ๊และครอบครัวต้อนรับอย่างอบอุ่น อยากกินอะไรบอกเจ๊ทำให้ทุกอย่าง เราสื่อสารด้วยรูปภาพให้เจ๊ดูว่าทำได้ไม๊ ก็ได้มาแม้บางรายการจะไม่ค่อยเป็นอย่างที่อยากได้ แต่ก็พอผ่านกันได้ (ขอโทษที่ไม่มีภาพอาหาร เพราะพอวางก็คนละหนุบละหนับ ถ่ายไม่ทันซักมื้อ) 




อิ่มดีแล้ว ก็แวะร้านกาแฟแต่งหน้าร้านเหมือนญี่ปุ่น สั่งมา 2-3 แก้ว ราคาแพงพอๆกับมื้ออาหารที่พึ่งจ่ายไป 





ช่วงบ่าย เจ้าของโรงแรมขับรถมาส่งพวกเราที่ทางเข้า นัดกับว่าค่ำๆออกมาแล้วจะ วีแชทไปเรียก บริการนี้ไม่ชาร์ทเงินเพิ่ม ดีมากๆ  เรามาช่องขายตั๋วเหลือบไปเห็นว่า ผู้สูงอายุเกิน 60 ปี ได้ราคาพิเศษ พวกเรา 5 คนล้วนเกินวัย 60 กันทุกคน ได้ลดกันทั่วถึง จำไม่ได้ว่าลดถึงครึ่งหรือไม่ แต่ก็มากทีเดียว

จากที่ราบด้านล่าง ต้องนั่งกระเช้าขึ้นไปข้ามเขาไป 2-3 ลูก






ลงจากกระเช้าแล้ว ก็ไม่รู้จะเดินไปทางไหน ก็เดินตามๆเค้าไปเรื่อยๆ 





 



 


 

เดินชมร้านค้า 2 ข้างทาง ดูนั่นดูนี่ ก็ถึงจุดไฮไลท์ที่เค้านิยมมาถ่ายภาพกับกระจาดตากพริกกัน คิวยาวจากบรรดาอาหมวยที่แต่งชุดจีนโบราณแต่เพื่อมุมนี้ ก็ต้องยอมเข้าคิว


 





จากที่นี่ เดินตามเค้าไปก็ไปถึงอีกจุด 

 


 






 


ที่จริงที่นี่ก็ไม่มีอะไรซับซ้อน เดินๆไปแพร๊บเดียวก็ทะลุหลังหมู่บ้าน จะกลับทางเดิมหรือทางขนานก็กลับมาที่เดิม หรือไปต่อก็มีกระเช้า แต่ไม่รู้ว่าไปลงที่ไหนคงใกล้ๆลานจอดรถ เพราะตอนที่ไปเค้าปิดซ่อมเลยไม่ได้ใช้บริการ 












เดินกลับมาทางเดิม แต่เลือกทางอีกทางที่ขนานกับทางแรก หมู่บ้านนี้ไม่ใหญ่นักระยะทางต้นทางมาท้ายหมู่บ้านประมาณ 800 เมตร เดินพอเมื่อยๆก็ถึงแล้ว

นั่งพักร้อนจากอุณหภูมิกว่า 29 องศา จนมืด ค่อยออกมาเดินดูแสงไฟของหมู่บ้าน





 

 




ขากลับลงมา แม้แต่กระเช้ายังแสงสวยเลย





คืนนี้ยังค้างกันที่นี่  พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางแต่เช้าไป หุบเขาเทวดา วั้งเซียนกู่ (Wangxian Valley)  ติดตามกันได้ที่นี่

Somerset's Memories: Shanghai และรอบๆ #3(Wangxiangu)


No comments:

Post a Comment

ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......