Friday 22 July 2011

Explore Norway 2011,19-21 June

นอร์เวย์ เป็นประเทศที่อยู่บนคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย อยู่ติดกับประเทศสวีเดน ตอนเพื่อนชวนไปเที่ยวสวีเดน  บอกว่าจะไปนอร์เวย์ด้วย ให้ช่วยวางเส้นทางท่องเที่ยว 3 วัน แต่ต้องไป Flamsbana ด้วย 

ลองค้นหาบนเน็ต เค้าบอกว่าเส้นทางสาย Myrdal-Flam เป็นเส้นทางที่ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของระบบวิศวกรรมขอ งนอร์เวย์ เพราะทางรถไฟสายนี้เป็นเส้นทางรถไฟที่ลาดชัน วิ่งผ่านอุโมงค์ที่เจาะทะลุภูเขาในลักษณะที่บิดเกลีย ว และอีกหลายอย่างที่ท้าทายความสามารถของวิศวกรเป็นอย่ างยิ่ง อืม.....น่าสนใจ

ลองค้นหาต่อไป ก็ได้ความว่าบนเส้นทางจาก Myrdal ไป Flam สองข้างทางจะมีทิวทัศน์ที่สวยงามมาก ถือเป็นเส้นทางรถไฟเส้นทางที่สวยที่สุดเส้นทางหนึ่ง

พวกเราวางเส้นทางเริ่มต้นที่ กรุงสต๊อคโฮม ประเทศสวีเดน ที่เรามาแวะพักและร่วมงานแต่งงานของน้องสาวเพื่อนที่ นี่ เลือกการเดินทางด้วยรถไฟ เพราะระบบการขนส่งโดยสารของที่นี่จะเชื่อมโยงกันหมด ระหว่าง รถไฟ รถบัส และ เรือ ที่เป็นสาธารณะ ถ้าซื้อตั๋วเหมา จะสามารถเลือกเดินทางได้ไม่จำกัด

555 และการเดินทางที่ทรหดบนความเปลี่ยนแปลงของการเดินทาง ตลอดเวลา กับ ภาษาที่กระท่อนกระแท่นของพวกเรากำลังจะเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้
------



การเดินทางเริ่มต้นที่สถานีรถไฟสต๊อคโฮม กำหนดรถไฟออกเวลา 15.29 น. และถึง ออสโล นอร์เวย์ เวลา 21.36 น. และยังต่อเปลี่ยนรถไฟเดินทางต่อไป Bergen เพื่อเริ่มต้นเส้นทาง Flamsbana อีกทีหนึ่ง

ด้วยความกลัวว่าจะพลาด เราเลยมารอรถไฟล่วงหน้า ตั้งแต่บ่ายสองโมง ดูที่บอร์ดตารางเดินรถแล้ว ก็ไปตั้งหลักรอที่ชานชาลาเลย ท่ามกลางสายฝนที่โปรยลงมาและลมที่หนาวจริงๆ แต่เราหลบในคอกที่ปิดกันลมเลยพอค่อยยังชั่ว รอไปรอมา ไงจากคนเยอะๆน้อยลงไปทุกที เอะใจเลยเดินไปดูกระดานใหม่ อ้าว...ย้ายชานชาลาซะนี่ ไม่เป็นไรย้ายก็ได้ยังพอมีเวลา

คุณลุง คุณป้า คู่นี้ กระหืดกระหอบวิ่งมา เราสงสารเลยสละที่นั่งรอให้ลุงป้าได้นั่งพักหายใจ ลุงแกบ่นใหญ่เลยว่าย้ายกันไม่ยอมประกาศให้รู้ล่วงหน้ า เราก็อือๆออๆไปกับแก คุยไปคุยมา แกบอกว่าแกมาจากออสโลมาเที่ยวกำลังจะกลับ คุยว่ามีหลาน 15 คน

คนที่เยอะแยะรอรถไฟไงหายไปอีกแล้ว ...........
-------

ซักพักมีเจ้าหน้าที่เดินมาบอกพวกเราว่าเค้าย้ายชานชา ลากลับไปที่เดิมอีกแล้ว รถไฟกำลังจะออกแล้ว เท่านั้น พวกเรา คุณลุง คุณป้า และ คุณแม่ลูกอ่อนที่นั่งรอข้างๆ ก็กระโดดผลุง ตั้งท่าวิ่งไปให้ทันรถไฟ เจ้าหน้าที่คงเห็นว่ามีเด็กเล็กและคนแก่ ก็เลยพาไปทางลัดที่เดินใกล้กว่า เราก็เลยวิ่งตามไปด้วย ดีว่าเจ้าหน้าที่ วอทางวิทยุแจ้งให้รถไฟรอ เลยรอดพ้นการตกรถไฟไปหวุดหวิด

งงมากๆ เค้าย้ายชานชาลากันโดยไม่ประกาศเลยหรือ แต่ถึงประกาศเราก็ฟังไม่รู้เรื่องเพราะเค้าประกาศเป็ นภาษาสวีเดน ไม่ยอมใช้ภาษาอังกฤษ
-----



บททดสอบการเป็น แบ๊คแพคเกอร์ บทแรก เริ่มต้นแล้ว เรายังยิ้มรับการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นเรื่องสนุก นั่งดูวิวสองข้างทางไปอย่างเพลิดเพลิน สองข้างทางเป็นทุ่งนาและ ต้นไม้ มองผ่านๆนึกว่าบ้านนอกบ้านเราซะอีก

แต่พอเข้าเขตประเทศนอร์เวย์เท่านั้น ทิวทัศน์สองข้างทางสวยงามขึ้นมาทันที พยายามถ่ายภาพด้วยคอมแพคสู้กัยความเร็วของรถไฟ ได้บ้างเสียบ้าง มันคงมีดีบ้างซักภาพละน้า..... (ยังสงสัยตัวเองเลย กล้องใหญ่ก็มีวางอยู่บนตัก ไงไม่ยอมใช้กล้องใหญ่นะ )
---




ตอนนี้เป็นเวลา เกือบสองทุ่มแล้ว แสงยังสว่างยังกะ สี่โมงเย็น
-----




ถึงออสโล นอร์เวย์ เกือบสี่ทุ่ม รถไฟที่จะไป เบรเก้นจะออกตอนห้าทุ่ม เราเลยไม่กล้าออกไปซ่าส์นอกสถานี เดี๋ยวตกรถไฟ ดีว่ารถไฟเข้ามาสถานีแล้ว เราก็เลยขึ้นไปรถบนรถไฟเอาชัวร์ดีกว่า ก่อนไปก็แวะซื้อเสบียงไปกินกันบนรถไฟ น้ำดื่มซื้อแล้วต้องกินให้ถึงหยดสุดท้าย เพราะราคาขวดละ 8-9 nok หรือประมาณ 50 กว่าบาทไทย เรียกว่าน้ำดื่มราคาแพงกว่าเบียร์ที่ถูกกว่า
-------



ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว ชมแสงไฟกลางคืน และก็งีบหลับไปคาดว่าจะถึง เบรเก้นประมาณเจ็ดโมงเช้า คงมีเวลาหลับได้หลายชั่วโมง
------


555 แต่ช้าก่อน จะสบายเกินไปรึปล่าว......

ราวตีสาม เราก็ตกใจตื่น ได้ยินเสียงเพื่อนปลุกบอกว่า เค้าลงรถกันหมดแล้ว....

อ้าว...ถึงแล้วหรอ แค่ตีสามเองนี่ ข้างนอกมืดเชียว เลยถามผู้โดยสารที่กำลังเดินลงรถว่า ไปไหนกัน เค้าบอกว่าเปลี่ยนรถ ไปเป็นรถบัส

เอ๊ะ... งง....... ง่วง.......
เดินลงรถไปขึ้นรถบัสแบบ งงๆง่วงๆ เอ้า....ไปไหนไปกัน จะเอาไปทิ้งที่ไหนก็ตามใจ ขึ้นรถได้ก็หลับต่อ ( เรานะหลับแล้วแต่เพื่อนไม่ยอมหลับ ตาโตมองข้างทางไปตลอด 555 จะมองไปทำไม ดูไปก็ไม่รู้หรอกว่าอยู่ที่ไหน หลับเอาแรงก่อนดีกว่า เช้าแล้วค่อยว่ากัน )

หลับไปซักชั่วโมง ลืมตาขึ้นมา โอ...แม่เจ้า วิวสวยสุดๆ แต่...ก็กำลังง่วงสุดๆเช่นกัน พยายามถ่างตาดูวิว สลับการหลับไปบ้าง จนทนความสวยของวิวไม่ได้ ลุกขึ้นมาหยิบกล้องคอมแพคเก็บภาพข้างทาง ( 55 ยังไม่ยอมใช้ slr อยู่ดี
------


วิวภูเขาข้างทางที่ยังมีหิมะปละปลาย สวยงามชวนฝัน จนรถบันลงเรือฟอรี่ข้ามฝาก

เฮ้ย....มีลงเรือข้ามฟากด้วยหรือ งั้นเราก็ลงจากรถได้นี่หว่า ว่าแล้วก็โดดลงจากรถ วิ่งไปเข้าห้องน้ำตั้งหลักก่อนค่อยออกมาถ่ายภาพวิว
------







มองวิวและลองลำดับเส้นทาง เอะนี่เรากำลังได้เดินทางบนเส้นทางท่องเที่ยวเส้นทาง Norway in a Nutshell นี่ เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ต้องซื้อทัวร์ ราคาแพงเอาเรื่อง เราฟลุ๊คขนาดนี้เลยหรือ และเรือกำลังวิ่งข้ามฟยอร์ดนี่ เพื่อความแน่ใจเราก็เลยเดินไปอ่านข้างรถที่เรามองผ่า นตอนขึ้นรถ

อ่าฮ้า...... แม่นแล้ว บนความโชคร้าย ก็มีโชคดีมาให้ทดแทน
------

พอรู้ว่าอยู่บนเส้นทางสายที่สวยที่สุด คราวนี้ไม่ง่วงแล้ว พอเรือขึ้นฝั่งเราก็ถือโอกาสย้ายไปนั่งด้านหน้าริมปร ะตูข้างคนขับ ก่อนนั่งก็ต้องขออนุญาตคนขับก่อน เค้าก็ไม่ว่าอะไรพยักหน้าให้นั่งได้

คราวนี้หยิบเอา slr ออกมาใช้แล้วพร้อม 70-200 ตั้ง iso1600 สู้กับความเร็วของรถและความขมุกขมัวของอากาศ ด้านนอกฟ้าสว่างแล้วทั้งๆที่เวลาแค่ตีห้ากว่าๆเอง
----





บางช่วงมีวิ่งเข้าอุโมงค์ หลายช่วงทีเดียว อุโมงค์บางช่วงวิ่งเกือบสิบนาทียังไม่ทะลุเลย เค้าเจาะภูเขาเล่นกันสนุกสนานขนาดนี้เลยนะ
 -----



มีแวะจอดส่งผู้โดยสารที่ Voss เมือง Voss นี่ในประวัติ ร.5 เคยเสด็จมาประทับที่นี่ด้วย บ้านเมืองนอร์เวย์บ้านนอกเกือบทั้งหมดเป็นบ้านชั้นเด ียว หรือ สองชั้น เท่านั้น ไม่ค่อยได้เห็นตึกสูงเลย

ฉะนั้น พอเห็นมีตึกสูงเราก็พอเดาได้ว่าเข้าเขตเมืองเบรเก้นแ ล้ว
------



รถบัสมาจอดส่งผู้โดยสารทั้งหมดที่ สถานีรถไฟเมืองเบรเก้น เมือเวลา 7 โมงเช้า ตามเวลาที่กำหนดเปะ

เรามีเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ในการเดินเที่ยวในเมืองเบรเก้น เมืองเบรเก้นเป็นเมืองท่าริมทะเลบอลติก เป็นเมืองท่าสำคัญ เส้นทางการล่องเรือเที่ยวฟอร์ดต่างๆ ส่วนใหญ่จะเริ่มกันที่นี่ เราเดินชมเมืองมุ่งหน้าไปทางตลาดปลา เพื่อไปชมเมืองเก่าที่มีอาคารเก่า Bryggen Building
-------





อ่านจากคู่มือการท่องเที่ยว เข้าใจว่าตลาดปลาหรือ Fish Market คงเป็นตลาดใหญ่มีผู้คนพลุกพล่าน

แต่....พอถึง ตลาดปลาเป็นเต้นท์เล็กกลุ่มหนึ่ง มีพ่อค้านำปลาาสดและปลาแห้งรมควัน มาวางขายกัน ราคาอย่านึกว่ามาถึงแหล่งแล้วจะได้ปลาแซลมอนถูกๆ นะ ราคาแพงพอๆกับบ้านเรา แต่ความสดอาจสดกว่าเท่านั้นเอง

อย่างอาหารสำเร็จที่เราซื้อทานกัน ปลาหมึกที่หั่นเป็นวงชุบแป้งทอดราคา 2 ยูโร เรานึกว่าเซ็ทละ 2 ยูโร แต่เข้าใจผิด อันละ 2 ยูโรค่ะ เล่นเอามึน กินไปมึนไป แต่ปลาชิ้นชุบแป้งทอดราคา 5 ยูโร สดอร่อยมาก มื้อนี้อาหารแค่นี้เล่นไปหลายสิบยูโร (ยูโรละ 43 บาท)
------







โต๋เต๋ ถ่ายภาพแถวนั้นพักนึง ก็เดินกลับมาสถานีรถไฟ เพื่อเดินทางไปสถานี Myrdal
-------








กำหนดการ เราตั้งใจจะขึ้นรถไฟเที่ยว 12.30 น. จาก Bergen กลับมา Myrdal ที่ Myrdal จะขึ้นรถไฟสาย Flamsbana เพื่อชมธรรมชาติ 2 ฟาก ซึ่งเรามีเวลาเที่ยวที่นี่จนถึง ตีหนึ่ง เพื่อขึ้นรถไฟกลับมายัง ออสโล และต่อรถไฟกลับมาสต๊อคโฮม จึงจะสิ้นสุดทริปนี้

กำหนดการช่วงแรกเป็นไปด้วยดีไม่มีปัญหาใด เรามาถึง Myrdal เพื่อรอรถไฟขบวน 15.59 น. และจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ชมธรรมชาติ 2 ข้างทาง ที่นี่เราต้องซื้อตั๋วต่างหากจากตั๋วที่เราซื้อเหมาไ ว้แล้ว เพราะขบวน Flamsbana เป็นขบวนพิเศษเพื่อท่องเที่ยว ราคาตั๋ว ไป-กลับ 350 nok ( 2,100 บาท)
--------







เริ่มออกเดินทางแล้ว เรามาชมวิวสองข้างทางกันค่ะ
------






วิวพวกนี้ถ่ายจากบนรถไฟนะคะ ดีว่ารถวิ่งไม่เร็วนักพอจะเก็บภาพมาได้บ้าง

และน้ำตกริมทาง น้ำตกนี้เกิดจากหิมะละลาย น้ำใสเป็นสีฟ้าใส ลำธารใสจนมองเห็นพื้นลำธารและน้ำไหลแรงมาก
------







นี่ถ้าเป็นรถเก๋งและสามารถจอดถ่ายได้ คงได้ภาพวิวสวยๆมากกว่านี้แน่ๆ
-----




จุดสิ้นสุดของเส้นทางนี้คือ เมือง Flam เป็นจุดขึ้นเรือสำราญลำใหญ่เพื่อล่องชมฟยอร์ดต่างๆ พวกเรามันพวกกระเป๋าแฟบมาได้ถึงขนาดนี้ก็พอใจแล้ว
-------






เดินไปเดินมา ทานอาหารแบบอาหารจานด่วน แต่ราคาเท่ากับภัตาคารบ้านเรา ก็ขึ้นรถไฟกลับมายัง Myrdal
ได้ภาพมา 2 ภาพบน ก็คุ้มค่าการเดินทางแล้วแหละค่า ที่เหลือคือกำไร 555
-----



เรากลับมาถึง Myrdal ประมาณหกโมงกว่าๆ ชวนเพื่อนว่าที่สถานีนี้ไม่มีอะไรเพราะเป็นสถานีกลาง ป่า นอกจากตัวสถานีแล้วก็ไม่มีอะไรให้ดู เราย้อนไปดักขึ้นรถที่สถานี Voss ซึ่งเป็นเมืองจะได้มีเวลาเดินชมเมืองจนถึงเที่ยงคืน

แต่เพื่อนไม่ยอมเล่นด้วย บอกเราใช้เวลาช่วงนี้นอนเอาแรงดีกว่า ก็ไม่ว่ากัน เพราะตัวเองก็มีงานที่ถ่ายงานแต่งงานที่สต๊อคโฮมจะได ้ใช้เวลารีบทำภาพเพื่อเอาไปให้เค้าตอนเดินทางกลับ ใช้เวลาช่วงนี้ทำภาพก็ได้




กำลังจะเริ่มต้นทำภาพ นายสถานีก็เดินมาทักทายพวกเราว่ารอรถไป Flam หรือ เราบอกว่าปล่าวกำลังรถรถไฟเที่ยวตีหนึ่งกลับไปออสโล

นายสถานีบอกว่า เที่ยวนี้เค้ายกเลิกแล้ว

หา........ พวกเราอุทานพร้อมกัน และมองตากัน Change อีกแล้วหรอ แล้วไงละ

นายสถานีบอกว่า ไม่ต้องตกใจ ให้นั่งรถไฟย้อนกลับไป Voss เดี๋ยวจะมีรถบัสมารับตอนเที่ยงคืนไปส่งที่ออสโลให้

มีนกันอีกแล้วพี่น้อง ไงมันยกเลิกกันง่ายๆกันปานนี้ ไม่ต้องประกาศ ไม่ต้องแจ้งอะไรเลย มารู้ตอนหลังว่า ที่นี่ระบบการขนส่งโดยสาร เค้าเป็นระบบเดียวกัน เมื่อไหร่ที่ผู้โดยสารรถไฟน้อย เค้าจะเปลี่ยนมาเป็นรถบัสแทน เป็นการบริหารจัดการที่ดีมาก แต่แย่สำหรับผู้โดยสารโดยเฉพาะชาวต่างชาติอย่างพวกเร า ฉะนั้นใครไปที่นี่เฝ้ากระดานตารางเดินรถดีๆ หรือ พยายามสอบถามเจ้าหน้าที่เป็นระยะๆ

ถึงVoss แล้ว ก็เลยไม่มีแรงจะเดินชมเมือง เพราะต้องคอยฟังข่าวเรื่องรถบัสว่าจะมารับตอนไหนแน่

ภาพสุดท้ายให้เห็นกันจะจะว่า เวลาสี่ทุ่มยังสว่างขนาดนี้
------


ประมาณเที่ยงคืน ก็มีรถบัสประมาณ 2 คัน มาจอดรับผู้โดยสาร โดยมีผู้โดยสารจากสถานีอื่นๆเดินมาอย่างงงๆเหมือนพวก เรา รถบัสมาส่งที่สถานีเดียวกับสถานีที่รถไฟเอาพวกเรามาท ิ้งวันก่อน มีผู้โดยสารจากสถานีต่างๆมารอรถกันเต็ม ทุกคนอาการเดียวกันคือ งงและง่วง เพราะเป็นเวลาตีสามกว่าๆแล้ว สักพักรถไฟก็มารับทุกคนมาส่งที่สถานีออสโล ซึ่งเฉียดฉิวกับขบวนรถไฟที่เราต้องนั่งกลับมายังสต๊อ คโฮม แบบใจหายใจคว่ำกันทีเดียว

เรียกว่าทริปนี้มีลุ้นกันตลอดทริป ดีว่าได้ศึกษาข้อมูลต่างๆ และ ตางรางเดินรถไฟไว้ล่วงหน้า จึงไม่ค่อยตกใจเพราะรู้ว่ายังมีขบวนถัดไปเวลาใด และได้ศึกษาเส้นทางไว้แล้วจึงพอรู้พิกัดว่าตอนนี้อยู ่ที่ใด

จบทริป ผจญภัยในนอร์เวย์แต่เพียงแค่นี้ค่ะ ยังมี เยอรมัน ปราก บูดาเบส และ เวียนนา ว่างๆจะมาเล่าให้ฟัง ซึ่งยังมีความระทึกขวัญมาเล่าให้ฟังอีกเหมือนกัน

ภาพอาจไม่ค่อยสวยงามเท่าใดนัก เพราะเป็นการท่องเที่ยวแบบชะโงกทัวร์ ไม่มีเวลาเฝ้าแสงหรือ หามุมใดๆ เจอก็ถ่าย ไม่ถ่ายก็อด ประมาณนั้น
-------



ชมทริปต่างๆย้อนหลังได้ที่นี่

 

Stockholm ในสายฝน


Explore Norway 2011,19-21 June

หลงเสน่ห์ Prague 2011,23 June


คลาสสิค Budapest 2011,24 June


ย้อนเวลาที่เวียนนา 2011,25 June


ย่ำต๊อกในเบอร์ลิน เยอรมัน




3 comments:

  1. สุวัฒน์25 July 2011 at 14:38

    Change.......!
    ฝันไว้นานว่าจะไปเที่ยวรถไฟสายโรแมนติกฟลัมบาน่าที่นอรเวย์ งวดนี้สมใจยาก เพียงเท่านี้ยังไม่พอได้ของแถมเที่ยวเส้นทางโรแมนติกเส้นทางบกอีกต่างหาก โดยเฉพาะช่วงรถไต่หน้าผาผมล่ะเสียวจริงๆ
    อย่างไรก็ตามในช่วสงรดรถไฟไปเบอร์เกิ้น ผมถือโอกาสแว๊ปออกไปนอกสถานี้เพื่อชมเมือง แต่สัมผัสแรกจากวิญญาณของโจรเก่าที่สิงอยู่ในร่างทำให้รับรู้ว่าบริเวณหน้าสถานีไม่ปลอดภัย และเป้นไปดังคาดเมื่อมิจฉาชีพเริ่มกระชับวงล้อมมาทางผม
    โจรเก่าอย่างเรารู้เชิง จึงถอบเข้าสถานีอย่างมีเชิง ถ้าหันหลังวิ่งเมื่อใดเสร็จทันที จึงเดินถแอยหลังมองหน้าขู่เอาไว้ก่อน
    ไม่น่าเชื่อครับ! ออสโลเมืองที่ถือว่าปลอดภัยในยุโรปกลับเริ่มมีมิจาฉาชีพเต็มเมือง(ผลพวงจากการเข้าอียู)
    และในที่สุดโลกก็ๆได้รู้ว่าออสโลไม่ปลอดภัยจริงเมื่อเกิดเหตุการณ์ระเบิดกลางเมืองและฆ่าหมู่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
    ขอแสดงความเสียใจกับคนนอรเวย์ทั้งผอง!

    ReplyDelete
  2. สุวัฒน์25 July 2011 at 14:59

    ข้อมูลเพิ่มเติม ทริปนี้ค่าใช้จ่ายหลักคือตั๋วรถไฟแบบเหมาจ่าย4 วันเรียกว่า Eurail Gegional Pass คนล่ะ192ยูโรและมีค่าธรรมเนียมจองที่นั่งประมาณ สิบกว่ายูโร(ซื้อจากเมืองไทย) ส่วนค่าใช้จ่ายจิปาถะลงขันคนะล่ะ100 ยูโร ปรากฏว่ามีเงินเหลือคืนกลับมาเพียบ แบบว่าสามารถเที่ยวเบอร์ลินได้อีกหนึ่งทริป
    (ส่วนตัวผมเองจ่ายเพิ่มค่าชิวๆตู้เสบียงประมาณ สิบกว่ายูโรเพลินจากสต๊อกโฮล์มถึงออสโลเชียวล่ะ!)
    ประหยัดสุดๆไหมครับพี่น้อง

    ReplyDelete
  3. สุวัฒน์25 July 2011 at 15:07

    ลืมเล่าประสบการณ์!
    เมื่อถึงสถานีออสโลผมได้แว๊บไปเดินเล่นหน้าสถานี และคงเป้นผลมาจากวิญญาณโจรเก่าที่สิงอยู่ในร่าง ทำให้เกิดสัมผัสที่สามว่ามันไม่ปลอดภัย เพราะมีแก๊งมิจฉาชีพกำลังกระชับวงล้อมตัวกระผมที่กำลังถ่ายรูป จึงต้องงัดวิชาโจรออกมาต่อสู้ด้วยการมองหน้าประสานตากลุ่มคนเหล่านั้น พร้อมเดินถอยหลังอย่างมีเชิง เพราะประเมินดูแล้วถ้าหันหลังวิ่งเสร็จเขาแน่นอน
    ผมไม่เชื่อเลยครับ!ว่าเมืองหลวงที่ถูกว่าปลอกภัยที่สุดในยูโรปจะเต็มไปด้วยแก๊งมิจฉาชีพ(คงจะเป้นผลมาจากการเปิดเสรีตามกฏอียูจึงทำให้มิจฉาชีพจากยุโรปตะวันออกและจากเอเชียกลางเข้ามาเยอะ)
    แต่ในที่สุดก็ต้องเชื่อ!เมื่อกรุงออสโลถูกวางระเบิดและฆ่าหมู่กันกลางเมือง
    ขอแสดงความเสียใจต่อชาวนอเวย์ทั้งผอง!

    ReplyDelete

ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......