Wednesday 12 February 2020

Europe 2019(1) - Vienna

29 Nov - 12 Dec 2019



ทริปยุโรปตะวันออกนี้ พวกเราใช้เวลาตัดสินใจไม่ถึง 2 ชม.  เพราะการบินไทยมีตั๋วราคาประหยัด เปิดขายที่สยามพารากอนวันนี้วันเดียวเท่านั้น  ราคาไปยุโรปเวียนนาราคา สองหมื่นต้นๆ หลังจากโทรคุยกันก็มีสมาชิกตกลงปลงใจร่วมเดินทางในครั้งนี้ 10 คน ช่วงเวลาที่เลือกคือ ปลายเดือน พย. หรือ ต้นเดือน ธค.  แต่เมือดูตารางเวลาเครื่องบินแล้ว เราก็ได้ วันเดินทางคือ 29 พย. 2019  ส่วนเวลากลับเราอยากได้วันอาทิตย์ที่ 15 ธค. 2019 แต่ดูราคากลับแล้วราคาแพงมาก และ พวกเราหลายคนก็ติดทำงานลางานยาวขนาดนั้นไม่ได้ อยู่ได้เต็มที่คือ 9 ธค.2019   แต่บางคนก็อยากอยู่ต่อ ไหนๆค่าตั๋วก็แพงแล้วเวลาที่พอจะซื้อตั๋วได้คือ 12 ธค.2019

ข้อสรุปที่ประนีประนอมกันได้คือ เราจะเดินทางไปพร้อมกันทั้งคณะ 10 คน  แต่ตอนกลับ จะมีแยกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกกลับ 9 ธค.2019  และ อีกกลุ่มจะกลับ 12 ธค.2019 แล้วเราก็ตกลงจองตั๋วเครื่องบินการบินไทย ไปลงที่เวียนนาไว้ก่อน  เราจองเดือน กพ.2019  แต่เดินทาง 29 พย.2019  จึงมีเวลาเหลือเฟือที่จะจองที่พัก และ กำหนดแผนการเดินทาง

หลังจากคุยกันเลือกประเทศที่จะเดินทางกัน จุดแรกคือเราเดินทางไปลงที่ Vienna International Airport และก็กลับที่สนามบินเดียวกันนี้  และเราต้องทำวีซ่าแชงเก้น เพื่อเดินทางในภูมิภาคยุโรป ซึ่งตามกฎคือ ประเทศที่จะออกวีซ่า ต้องเป็นประเทศที่เราอยู่นานที่สุดในทริป ข้อสรุปของเราคือ

29 พย. เดินทางถึงเวียนนา ค้างที่เวียนนา
30 พย.- 2 ธค. ไป บูดาเปสต์
3-6 ธค.  ไปโปแลนด์ เราจะแวะพักที่ คาร์คูฟ 2 คืน กดันส์ 1 คืน และวอร์ซอ 1 คืน
6-9 ธค. กลับมาเที่ยวที่เวียนนา กลุ่มแรกเดินทางกลับไทย
6-8 ธค  กลับมาเที่ยวเวียนนา และ กลุ่มที่2แยกกับกลุ่มแรก
8-11 ธค. กลุ่มที่2  แยกกลุ่มแรกและเดินทางไปเที่ยต่อที่ โรม
11-12 ธค.  กลุ่ม2 กลับมาเวียนนา และเดินทางกลับไทย

เนื่องจากลักษณะการเที่ยวของพวกเราเป็นแบบแบ๊กแพค จึงไม่มีปัญหากับสมาชิกที่จะแยกกลับ หรือแยกอยู่ พวกเราพร้อมรับสถานการณ์และช่วยกันดูแลสมาชิกบางคนที่อาจไม่เคยเดินทางแบบนี้

ต่อจากนี้ก็เป็นช่วงเวลาของการทำแผนการเดินทาง และจองที่พัก หลังจากจองและยกเลิกและเปลี่ยนที่พัก ปรับตารางการเดินทางใหม่หลายรอบ เราก็สรุปตารางการเดินทางและจองที่พักเสร็จก่อนการไปขอวีซ่าเชงเก้นที่สถาทูตเวียนนา (ขอแนะนำว่า เราควรทำตารางการเดินทางและจองที่พักรวมถึงซื้อตั๋วรถโดยสารให้เรียบร้อยให้มากที่สุดก่อนการไปขอวีซ่า เพราะจะทำให้หลักฐานดูหนักแน่นสมเหตุสมผล และการกรอกใบขอวีซ่าต้องกรอกให้ถูกต้องชัดเจนที่สุด จนท.ตรวจเข้มทุกตัวอักษร ใบจองโรงแรมก็ตรวจละเอียดมากๆ )

ในที่สุด วีซ่าก็เสร็จเรียบร้อย ที่พักก็จองกันเรียบร้อย ตั๋วรถไฟรถบัส และตั๋วเข้าชมสถานที่บางแห่งที่ต้องจองล่วงหน้า ก็เสร็จเรียบร้อย ที่สำคัญเรามีบัตรเบ่ง Dragon Pass ของบัตรเครดิต ICBC สามารถเข้าเล้าจ์ที่สนามบินต่างๆได้ทั่วโลก และพวกเรามีบัตรบัตรเตรดิตค่ายนี้หลายคน ทำใหับัตรเบ่งนี้สามารถแบ่งปันพาเพื่อนๆเข้าเล้าจ์ได้ด้วยถึง 60 ใบ หมายความว่า คณะเรา 10 สามารถใช้เล้าจ์สนามบินได้ถึง 6 แห่ง  ( และเราก็ได้ใช้ที่ สุวรรณภูมิ , เวียนนา , วอร์ซอ และ โรม )







29 พย. เราออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ด้วย Thai Airways  (TG 936) เมื่อเวลา  01.30 และเดินทางถึงสนามบินเวียนนา เมื่อเวลา 7.00 น.  เราเข้าเมืองด้วยรถไฟไปลงที่  Wien Hauptbahnhof  และฝากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่ตู้ล้อคเกอร์ของสนามบิน เพราะเราไม่ได้ค้างที่เวียนนาในคืนนี้ เราเปลี่ยนแผนที่จะเดินทางต่อไป บูดาเปสต์ ในตอนเย็นเลย  และเรายังมีเวลา 6-9 ธค. ที่จะเที่ยวได้เต็มๆที่เวียนนาอีกครั้ง


ลงจากรถไฟ ก็มองหาป้ายห้องล็อคเกอร์เก็บกระเป๋า อยู่ชั้นใต้ดินเป็นห้องใหญ่รองรับได้มากมายไม่ต้องแย่งกันเช่นคราวก่อนที่มา  ฝากกระเป๋าเสร็จก็เริ่มต้นทริป จุดหมายแรกคือ St. Stephen's Cathedral เรานั่งรถไฟใต้ดินไปขึ้นที่สถานี Stephansplatz ขึ้นมาก็เจอ St. Stephen's Cathedral ที่สวยสดงดงาม ไม่ห่อเฝือกเช่นครั้งก่อนที่มา แต่ฟ้าขมุขมัวมาก และ หนาวมากเช่นกัน




ทริปนี้ขอชิวชิวกับชีวิต ไม่พกกล้องใหญ่ เอามาแต่ กล้องคอมแพค Sony RX100 24-200 มม.  คิดว่าคงพอสำหรับทริปนี้ แต่พอหยิบกล้องขึ้นมา อิชั้นลืมใส่เมมโมรี่การ์ดในกล้อง เอามาแต่อยู่ในกระเป๋าใหญ่เข้าล้อคเกอร์ไปแล้ว แห้วเลย.... วันนี้เลยต้องพึ่ง Hauwei P30 Pro แทน

ก็พอกล้อมแกล้มเอาตัวรอดมาได้ แม้สภาพแสงภายในโบสถ์จะน้อย แต่หัวเหว่ย ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง










ออกมาด้านนอกก็เก็บภายนอกกันอีกนิด



ที่ไม่ควรพลาด ใกล้ๆกันมีอีกโบสถ์ชือ St. Peter's Catholic Church แม้จะเล็กกว่า แต่ภายในอลังการไม่แพ้กันเลย  ภายในเข้าไปแล้วต้องสำรวมกันนิด เพราะเป็นโบสถ์ที่กำลังมีการประกอบพิธีทางศาสนา










ออกมาจากโบสถ์ ด้านนอกเป็นถนนคนเดิน สายช้อปปิ้งไฮโซ สองข้างทางจะมีแต่ร้านแบรนด์เนม ไม่ว่าจะเป็น LONGCHAMP , Zara , BALLY , MONTBLANC , DIOR และอีกมากมาย เราไปช่วง เทศกาล คริสมาสต์ด้วย ลดราคากันหั่นแหลก แต่เราก็ต้องเพลาๆไว้ก่อน กระเป๋าใบใหญ่ยังหนักไม่บังควรจะขนซื้ออะไร ไว้กลับมาวันที่ 6 ค่อยมาตะลุยช้อป





เดินชมสองข้างทาง แม้ร้านรวงจะมาก แต่คนกลับดูบางตาไม่เหมือนครั้งก่อนที่มาเมือ 7-8 ปี ที่แล้ว ถนนนี้จะแน่นขนัดมาก เดินสักพักก็มาถึงประตูทางเข้า Hofburg Palace ไหนๆก็มาแล้ว เข้าไปดูพิพิธภัณฑ์กันหน่อย ตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์ซื้อแล้ว เข้าได้ 3 ที่ คือ Hofburg Palace Silver Collection of Vienna และ  Schönbrunn Palace ส่วนอีกที่จำไม่ได้แล้วว่าที่ไหน ที่ Schönbrunn Palace เราเก็บไว้เข้าวันหลัง วันนี้เข้าที่ Hofburg Palace Silver Collection of Vienna ก่อน ไม่ค่อยมีอะไร นอกจากพวกถ้วยโถชามจาน ดูไปก็ไม่ได้บังเทิงอะไร รู้งี้ไปเข้าพิพิธภัณฑ์Museum of Natural History Vienna ยังดีกว่า
















ออกมาแล้ว ยังพอมีเวลา เลยเลือกเดินไป ศาลากลาง Rathausplatz เดินชมเมืองไปด้วย อากาศดีเย็นไม่หนาวเกินไปนัก ท้องฟ้าก็ดูแจ่มใสเป็นพักๆ ที่หน้าศาลากลางกำลังจัดตลาดนัดคริสมาสต์ ในกลุ่มพวกเราหมายหมั้นว่าจะไปลองกิน ไวน์ร้อนให้แก้มแดง  แยกย้ายกันเดินชมตลาดนัดและนัดเจอกันหน้าตลาด ก็ได้ของกินใส้กรอก โกโก้ร้อน กินเล่นกัน แต่ของขายไม่ได้ซื้อ เพราะเป็นพวกของประดับต้นคริสมาสต์ ซื่งไม่ใช่ประเพณีของเรา เดินดูให้ตื่นตาตื่นใจกันเท่านั้น











ขากลับ ที่จริงมีรถรางจากหน้าศาลากลาง กลับมาที่สถานีรถไฟเลย แต่เราไม่ได้ซื้อตั๋วไว้ก่อน จะซื้อบนรถก็ไม่ถนัด และบางคนยังอยากซื้อของที่หมายตาเอาไว้ เลยเลือกเดินกลับมาที่ Stephansplatz ก่อนจากก็ได้แสงมานิดหน่อยพอให้ชื่นใจ




กลับมาถึงสถานีรถไฟ ยังพอมีเวลาเหลือๆ บางคนเลยขอทานอาหารซะหน่อย  เราเลยขอแวะเข้าซุปเปอร์มาเก็ต ซื้อเสบียงอาหารสดซะเลย ตอนมาเปิดตู้ล็อคเกอร์ ก็มีเหตุการณ์ระทึกกันนิดหน่อย คือ บางคนหาบัตรฝากกระเป๋าไม่พบ ทำให้ระทึกใจเพราะใกล้เวลารถไฟออกแล้ว แต่ก็หาพบในที่สุด ทั้งคณะจึงต้องใส่ตีนหมาโกยกันสุดชีวิต ทั้งวิ่งทั้งลากกระเป๋าเล็กใหญ่ เพื่อให้ทันรถไฟ ก็ถึงแบบเฉียดฉิวมาก ต้องโดดขี้นตู้แรกที่มาถึง หรือเป็นตู้สุดท้ายของขบวน และเลขที่นั่งของพวกเราเป็นหัวขบวน  ฉะนั้น 9 ชีวิต รวมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เบิ้ม ต้องเดินลากผ่านทางที่เล็กแคบแออัดไปด้วยผู้คน เดินไปก็ขอโทษกันไปตลอดทาง

ทุ่มกว่าๆ  รถไฟก็เดินทางมาถึง บูดาเปสต์  ที่สถานี Budapest-Keleti เราจองที่พักเป็นแบบอพาทเม้นต์ ชื่อ Central Passage Apartments - Budapest ซื้อมีห้องครัวให้เราสามารถทำอาหารเองได้ และเราก็เกือบสร้างวีรกรรมกันอีกครั้ง

ติดตามตอนต่อไปได้ที่

https://somersetmghm.blogspot.com/2020/02/europe-20192-budapest.html


No comments:

Post a Comment

ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......