Tuesday 14 January 2020

Turkey 2019 - Cappadocia

17-20 Oct 2019

ติดตามตอนแรก Istanbul ได้ที่นี่
http://somersetmghm.blogspot.com/2020/01/turkey-2019-istanbul.html

ติดตามตอน 2 เมืองโบราณ Ephesus  ได้ที่นี่
https://somersetmghm.blogspot.com/2020/01/turkey-2019-ephesus.html

ติดตามตอน 3 ปราสาทปุยฝ้าย  Pamukkale ได้ที่นี่
http://somersetmghm.blogspot.com/2020/01/turkey-2019-pamukkale.html


ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงไฮไลท์ที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญ ที่คนทั้งโลกถ้ามาตุรกี ต้องมาที่นี่ ไม่งั้นไม่ถึงตุรกี  นั่นคือ Cappadocia

Cappadocia หรือ คัปปาโดเกีย แปลว่าม้าอันสง่างาม ในภาษาเปอร์เซีย อยู่ทางตอนกลางของประเทศตุรกี บนที่ราบสูงอนาโตเลีย ลักษณะพื้นที่ภูมิประเทศแถบนี้แห้งแล้งกึ่งทะเลทรายเต็มไปด้วยโตรกผารูปทรงประหลาด อันเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟฮาซัน (Mt.Hasan)  และมีลาวาออกมาปกคลุมพื้นที่โดบรอบ นานวันเข้า พายุ แดด ลม และฝน  ได้กัดกร่อนชั้นเถ้าลาวานี้ลงทีละน้อย เหลือทิ้งไว้เพียงโตรกลึกที่มีแท่งหินยอดแหลมคล้ายโดมพีระมิดนับล้าน ๆ อัน เรียงรายคล้ายดงหนามยักษ์ จนได้นิกเนมเก๋ไก๋ว่า ปล่องไฟนางฟ้า กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตของตุรกีที่ทั่วโลกรู้จัก



ที่พักของเราคือ Goreme House ตั้งอยู่ในเมือง Goreme รายล้อมด้วยจุดท่องเที่ยวมากมาย








ที่แรกที่เรามาคือ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (Goreme Open Air Museum)  

พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม ตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาคแคปพาโดเชีย โดยอยู่ห่างจากเมือง Goreme เพียง 1.6 กิโลเมตร พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งนี้เกิดขึ้นจากการขุดเจาะถ้ำหินหลายลูกเพื่อทำเป็นโบสถ์สำหรับเป็นศูนย์รวมของผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ในอดีต ทั้งนี้เพราะสมัยอาณาจักรโรมัน จักรพรรดิโรมันองค์ก่อนๆ ก็ได้สั่งให้ทหารฆ่าผู้คนที่เชื่อศาสนาคริสต์ไปมากมาย ทั้งยังสั่งให้ทำลายโบสถ์วิหารต่างๆ ไปมากด้วย เหล่าบรรดาคริสเตียนก็ต้องการหาที่หลบซ่อนจากทหารโรมันเหล่านั้น และภูมิประเทศของเมืองคัปปาโดเกียก็มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะมีภูมิประเทศเป็นหุบเขามากมาย ทำให้ทหารเดาได้ยากว่าจะมีโบสถ์อยู่ในใต้พื้นดิน หรืออยู่ในถ้ำ  

แต่หลังจากพระจักรพรรดิโรมันคอนสแตนติน   บัญญัติให้ศาสนาคริสต์ไม่เป็นศาสนาที่ต้องห้ามอีกต่อไป ชาวคริสเตียนก็ยังคงสร้างโบสถ์ขึ้นอีกมากมายต่อไปในบริเวณแถบนี้ 









หลังจากทานอาหารเที่ยงกันแล้ว เราไปต่อกันที่ Fairy Chimneys ที่เมือง Nevşehir

 Pasabag Fairy Chimneys หรือ Monk Valley เรียกด้วยชื่อภาษาไทยได้ว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” หรือ “หุบเขาพระ” เป็นกลุ่มภูเขาหินรูปกรวยที่มีลักษณะโดดเด่นคล้ายกับเห็ดยักษ์ โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน

  มีตำนานพื้นเมืองเล่ากันมาว่าในศตวรรษที่ 4 มีนักบุญซีโมน (St Simeon) เป็นนักบุญคริสต์นิกายโรมันคาธอลิกชื่อเสียงโด่งดัง เนื่องด้วยเป็นผู้มีพลังวิเศษจึงทำให้ได้รับความสนใจจากชาวบ้านอย่างไม่หยุดหย่อน นักบุญท่านนี้กับลูกศิษย์จึงได้ปลีกวิเวกมาอยู่อย่างสันโดษบนปล่องไฟนางฟ้าแห่งหนึ่ง และจะลงมาจากปล่องไฟนางฟ้าก็ต่อเมื่อต้องลงมาหาอาหารเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นอารามที่ตั้งอยู่ท่ามกลางไร่องุ่นและภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์แห่งนี้




















กว่าเราจะออกจากที่นี่ก็เย็นมากแล้ว  เราจึงรีบตรงดิงไปที่ Kizilcukur Valley หรือ Rose Valley จุดถ่ายพระอาทิตย์ตกเหนือ คัปปโดเซีย แต่เราก็ยังไปช้ากว่านักถ่ายภาพคนอื่น ที่ไปจับจองพื้นที่มุมสวยๆไว้หมดแล้ว เมื่ออุปกรณ์ไม่พร้อม มุมไม่สวย เราก็แค่ถ่ายเอาขำๆ ไม่ซีเรียสมากมาย ถ่ายคนซะมากกว่าถ่ายวิว








แต่คืนนี้เราจะไปถ่ายดาว ทางช้างเผือกกับวิวคัปปโดเซีย ด้วยอุปกรณ์บ้านๆของเราจะรอดไม๊นี่ 

หลังจากทานอาหารเสร็จ พวกเราก็เตรียมตัวไปถ่ายช้างกัน อากาศกลางคืนหนาวมากก็ต้องเตรียมชุดแบบจัดเต็มให้พร้อม  คุณเกามีมุมในใจเตรียมไว้ให้พวกเราไปถ่ายกันแล้ว 








ผลคือ ไม่สำเร็จ พระจันทร์เกือบวันเพ็ญเต็มดวง ไฟเมืองสว่างจ้า เห็นดาวเหมือนกันเต็มฟ้า แต่สมรรถภาพของกล้องคอมแพค และ หัวเหว่ย ไม่สามารถเก็บแสงของดาวมาได้ ก็ได้แต่ถ่ายโน่นนั่นนี่ไปตามเรื่อง 

พรุ่งนี้เช้าเราจะกลับมาถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่อีกครั้ง (พิกัดที่นี่ 38°38'32" N 34°49'17" E จากจุดจอดรถ เดินข้ามเนินสัก 2-3 เนิน )

เช้านี้รีบตื่นกันตั้งแต่ตีห้า ไปตั้งกล้องรอพระอาทิตย์ขึ้น แต่... อ้าว ไหงบอลลูน ที่ว่าจะไม่ขึ้น ทำไม่ขึ้นมาเต็มฟ้า ก็ดีไปอย่าง เก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้น พร้อมบอลลูนไปด้วยเลย




























หัวหน้าคณะช่างมีอารมณ์สุนทรีย์ ดริฟกาแฟโชว์ซะเลย 







จากตรงนี้เราไปต่อที่ร้านกาแฟ Çiko'nun Yeri ทางตะวันตกเฉียงใต้ของ Goreme จากมุมนั่งกินกาแฟเราจะได้ชมวิวเต็มตาของ Uchisar Castle (ปราสาทหินยูชิซาร์ จังหวัดเนฟเชียร์)  เป็นปราสาทหินธรรมชาติตั้งแต่สมัยโรมันไบเซนไทน์ ที่ในอดีตใช้เป็นป้อมปราการสำหรับส่งสัญญาณเตือนภัย ปราสาท Uchisar เป็นหินขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นและสูงตระหง่านเหนือภูมิประเทศรอบด้าน มีลักษณะคล้ายกับรวงผึ้งที่เต็มไปด้วยรูขนาดเล็กและมืด ปราสาทหินธรรมชาติแห่งนี้ถูกเรียกว่าปราสาทรวงผึ้งเนื่องจากมีลักษณะเป็นรูเล็กๆ หลายร้อยรูเหมือนรวงผึ้งที่เจาะเป็นห้องในหินเนื้ออ่อน 






เราแค่ชมจากระยไกล ไม่ได้เข้าไปด้านในของปราสาทรวงผึ้งแห่งนี้ เพราะเราจะไปต่อที่ Tatlarin underground city อุโมงค์ใต้ดินที่เป็นที่อยู่อาศัยของคนสมัยก่อน เป็ช่องทางเดินแคบๆลึกลงในใต้ดิน มีบันไดลงหลายชั้น แต่ข้างในห้องแต่ละห้องใหญ่มาก จุคนได้ถึง 2,000 คนทีเดียว










ช่องนี้เป็นช่องสั่งอาหาร จากห้องอาหารไปยังห้องครัว แค่พูดลงในช่องนี้ เสียงจะไปดังที่ห้องครัว



ห้องส้วมจ้า



เราไปเมืองใต้ดินแล้ว ต้องไม่พลาดพิพิธภัณฑ์ใต้ดิน หรือ Underground cave museum displaying antique & modern Turkish ceramics, pottery & artifacts. ชื่อ Güray Müze จัดแสดงประวัติความเป็นมาของเครื่องปั้นดินเผาในแถบนี้ตั้งแต่อดีต 














ออกจากที่นี่ เราไปต่อที่ Devrent Vadisi ก้อนหินรูปอูฐ อยู่ภายใน Devrent Valley เรียกอีกชื่อนึงว่า หุบเขาแห่งจินตนาการ เพราะก้อนหินที่นี่จะมีรูปทรงเหมือนสัตว์หรืออะไรแล้วแต่ที่เราจะจินตนาการนึกถึง





จุดพักรถ และร้านค้า กับวิวสวยๆของภูเขาหิน




คืนนี้เรายังพักอยู่ที่คัปปาโดเซีย อีกคืน พรุ่งนี้เราจะล่องกลับอีสตันบูล ตอนเช้ามีบางคนในคณะอยากขึ้นบอลลูนก่อนกลับ แต่เราขอบายดีกว่า ขี้เกียจฝ่าลมหนาว และ ได้ภาพบอลลูนกับคัปปโดเซียคุ้มแล้ว จึงรออยู่ที่โรงแรม 


หลังจากนั้นก็จะเช็คเอาท์ นั่งรถล่องกลับอีสตันบูล ระยะทางกว่า 750 กม. ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางไม่น้อยกว่า 8 ชม. และเรามีโปรแกรมจุดแวะ คือทะเลสาปเกลือ ติดตามชมได้ที่นี่




No comments:

Post a Comment

ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......