Tuesday, 26 December 2023

เกาหลี เกาใจ ตอนที่8 ( Seoul #4)

 30 Nov- 10 Dec 2023


ติดตามตอนก่อนหน้านี้

Somerset's Memories: เกาหลี เกาใจ ตอนที่1 ( Seoul เดินทางวันแรก ) (somersetmghm.blogspot.com)

Somerset's Memories: เกาหลี เกาใจ ตอนที่2 ( ปูซาน ) (somersetmghm.blogspot.com)

Somerset's Memories: เกาหลี เกาใจ ตอนที่3 ( ปูซาน ) (somersetmghm.blogspot.com)

Somerset's Memories: เกาหลี เกาใจ ตอนที่4 ( Seoul #1) (somersetmghm.blogspot.com)

Somerset's Memories: เกาหลี เกาใจ ตอนที่5 ( Nami Island) (somersetmghm.blogspot.com)

Somerset's Memories: เกาหลี เกาใจ ตอนที่6 ( Seoul #2) (somersetmghm.blogspot.com)

Somerset's Memories: เกาหลี เกาใจ ตอนที่7 ( Seoul #3) (somersetmghm.blogspot.com)

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะเที่ยวในโซล พรุ่งนี้ต้องเดินทางไปสนามบินแต่เช้า 

เมื่อคืนเสริชเจอร้านอาหารเช้าน่าทาน อยู่ใกล้ๆที่พัก เลยชักชวนกันเดินไปทาน คิดว่าเป็นร้านท้องถิ่นธรรมดาทั่วไป ที่ไหนได้กลายเป็นร้านดังของที่นี่ เดินมาถึงคิวยาวเหยียด หันมาปรึกษากันว่าอยู่หรือถอย น้องชายบอกว่า เรามาถึงนี่แล้ว ไม่ได้เร่งไปไหนด้วย ลองรอดูแล้วกัน ก็เข้าคิวกับเค้า แต่คิ;เดินเร็วมาก ไม่เกิน 20 นาที ก็ถึงคิวพวกเรา










ภายในร้านแน่นมาก แต่เค้าจัดคิวได้เป็นระเบียบดี ดูแลลูกค้าดี เรายังไม่รู้เลยว่าอาหารเป็นประเภทไหนสั่งยังไง 

แต่ไม่ต้องว้าวุ่นไป อาหารเค้ามีอย่างเดียว นั่งรอเดี๋ยวเค้าก็เอามาเสริฟ ทุกคนกินเหมือนกัน เป็นซุปหมู ทานกับข้าวสวยร้อนๆ และมีกิมจิเป็นเครื่องเคียง 












พิกัดร้าน เผื่อสนใจ  Mugyo-dong Bugeo-guk : https://maps.app.goo.gl/WkKEBRZRwobaDgMd8

ทานเสร็จแล้ว เราเดินไป City Hall ไปร้าน Daiso เพื่อซื้อถุงสํญญากาศมาเก็บเสื้อผ้า ร้านอยู่ติดพระราชวัง Deoksugung ที่เรามาแล้วครั้งนึงตอนเย็นมากแล้ว พอดีวันนี้เช้ามาก ร้าน Daiso ยังไม่เปิด เลยชักชวนกันเข้าไปเดินในพระราชวังอีกครั้ง เพราะค่าเข้าถูกมากแค่ คนละ 1,000 วอน หรือ 27 บาท 













พระราชวังถ็อกซูกุง (Deoksugung Palace) ตั้งอยู่ที่หัวมุมสี่แยกใจกลางเมืองที่คึกคักที่สุดของกรุงโซล ซึ่งเป็นเพียงพระราชวังแห่งเดียวที่ล้อมรอบด้วยอาคารสไตล์ตะวันตกที่เพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ของทิวทัศน์ได้ เป็นพระราชวังที่เล็กที่สุดในบรรดา 5 พระราชวังของเกาหลี มีจุดเด่นคืออาคารภายในพระราชวังนั้นเป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมเกาหลีและวัฒนธรรมตะวันตก

แต่เดิมพระราชวังแห่งนี้ เป็นที่พำนักอาศัย ของเจ้าชายวลซานแดกุน (Wolsandaegun, 월산대군; ค.ศ. 1454 – ค.ศ. 1488) พี่ชายของกษัตริย์ซองจงแห่งโชซอน (Seongjong of Joseon, 성종; ค.ศ. 1457 – ค.ศ. 1495) ภายหลัง พระราชวังได้รับการบูรณะฟื้นฟู พร้อมกับการสร้างศาลเจ้า, สะพาน, อาคาร และอื่นๆ เพื่อเป็นที่พำนักของกษัตริย์โคจง (Gojong of Korea, 고종) รวมถึงปรับปรุงสถานที่ เพื่อความปลอดภัย และป้องกันจากการรุกรานของญี่ปุ่น 

โดยคำว่า ถ็อกซูกุง (Deoksugung, 덕수궁) นั้นมีความหมายว่า พระราชวังแห่งคุณธรรมและอายุยืน (Palace of Virtuous Longevity) พระราชวังแห่งนี้เป็นพระราชวังที่เล็กที่สุด ในบรรดาของ พระราชวังหลวงทั้งห้าแห่งของกรุงโซล (Five Grand Palaces of Seoul) และเป็นเพียงหนึ่งในสองของพระราชวัง ที่มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรม ในช่วงปลายของสมัยโชซอน และเป็นพระราชวังเพียงแห่งเดียว ที่มีภูมิทัศน์ซึ่งสวยงาม ซึ่งถูกรายล้อมไปด้วย อาคารสไตล์ตะวันตกแบบนีโอคลาสสิก และสวนสไตล์ตะวันตกแห่งแรกของเกาหลี




เดินเล่นกันพักนึง ถึอโอกาสเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยด้วย ซื้อของเสร็จแล้ว ยังมีเวลาเหลือมาก หาที่ไปอีกสักแห่งดีกว่า เลือกไปที่ Seodaemun Prison History Hall น้องๆเค้าก็ถามว่ามีอะไรดี เราก็ตอบไม่ได้ รู้แต่ว่าเป็นคุกขังนักการเมือง  แต่พอมาแล้วได้อ่านประวัติถึงซาบซึ้ง และสะเทือนใจสุดๆกับสถานที่นี้

หอประวัติศาสตร์ เรือนจำซอแดมุน : Seodaemun Prison History Hall สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1907 ในสมัยจักรวรรดิแทฮัน (Daehan Empire) โดยคำแนะนำจากญี่ปุ่นซึ่งในขณะนั้นได้ประกาศให้เกาหลีเป็นรัฐในอารักขาแล้ว เรือนจำเริ่มเปิดใช้งานในปี ค.ศ.1908 และถือเป็นสิ่งก่อสร้างแห่งแรกที่เป็นเครื่องมือของระบบการปกครองอาณานิคมของญี่ปุ่นในยุคใหม่ เรือนจำนี้เป็นที่คุมขังผู้ต่อต้านผู้ปกครอง และจองจำนักกิจกรรมที่ต่อสู้เพื่อการปลดปล่อยเกาหลี จากญี่ปุ่น ตลอดระยะเวลา 80 ปีของการใช้งาน  นักโทษจำนวนมากถูกสังหารหรือไม่ก็ทรมานจนตายที่นี่ 

ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างปี ค.ศ.1948-1987 สาธารณรัฐเกาหลีถูกปกครองโดยเผด็จการ เรือนจำซอแดมุนจึงยังคงเล่นบทบาทที่โหดร้ายต่อมาอีกหลายสิบปีเพราะถูกใช้คุมขังประชาชนที่ออกมาประท้วงรัฐบาลเผด็จการด้วยข้อหาการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ 

ด้วยประวัติการใช้งาน 80 ปี เรือนจำซอแดมุนยังคงเป็นที่จดจำและเป็นสัญลักษณ์ของความรุนแรงที่หลอกหลอนอยู่ในจิตใจของชาวเกาหลีใต้ สาธารณรัฐเกาหลีได้เปลี่ยนสถานที่ซึ่งเป็นบาดแผลในประวัติศาสตร์ให้เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของสาธารณรัฐเกาหลีซึ่งโรงเรียนทุกแห่งจะต้องพานักเรียนมาทัศนศึกษาเพื่อทำความเข้าใจประวัติศาสตร์การต่อสู้ของชาติ 

รัฐบาลเค้าจัดทำสถานที่นี้ได้ดีมาก ทุกตารางนิ้วที่เราเดินผ่านจะมีเรื่องราวและภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รายชื่อผู้ถูกจองจำและถูกประหารชีวิต ได้มีการจารึกไว้อย่างชัดเจน 



























ออกจากที่นี่ ก็เป็นรายการช้อปปิ้งที่ เมียนดง  แต่ก็ไม่ได้อะไรมากนัก นอกจากการกินหมูย่างชุดใหญ่ (อีกแล้ว ) ส่งท้าย

วันรุ่งขึ้นเป็นการเดินทางกลับ เครื่องบินออกตอนเที่ยง แต่เราควรไปถึงสนามบินก่อนเวลาไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง เพราะเค้าว่าคนเยอะมาก และ เราต้องใช้เวลาเดินทางอีก ชั่วโมงกว่าๆ  ฉะนั้นเช็คตารางรถบัสสนามบินแล้ว เราควรมาขึ้นรถก่อนเวลา 6.45 น. ไม่งั้นต้องรออีก 1 ชั่วโมง จะกระชั้นมากเกินไป

ป้ายรถบัสสนามบินสาย 6701 อยู่หน้าโรงแรม เข็นกระเป๋าออกมานิดเดียว อากาศไม่หนาวมากนัก พอฉ่ำๆกับบรรยากาศส่งท้าย  ซึ่งทุกคนยังอาวรณ์อยากที่จะกลับมาใหม่ ไว้รอหาจังหวะตั๋วถูกๆค่อยกลับมาใหม่ ลาก่อน เกาหลี เกาใจ บ๊ายบาย....




No comments:

Post a Comment

ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......