ติดตามตอนแรก Istanbul ได้ที่นี่
http://somersetmghm.blogspot.com/2020/01/turkey-2019-istanbul.html
เมืองโบราณ Ephesus มหานครแห่งแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเซีย ในอดีตเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในเเถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมืองนี้เติบโตในยุคของกรีกและรุ่งเรืองถึงขีดสุดอีกครั้งภายใต้การปกครองของโรมัน สมัยจักรพรรดิออกุสตุส ซีซาร์ ได้สถาปนาให้เป็นเมืองหลวงของเขตการปกครองในเอเซีย เป็นศูนย์กลางทางการค้าและธนาคาของเอเซีย ต่อมาในปี ค.ศ. 358, 365 และ 368 เกิดแผ่นดินไหวในเอเฟซุส ซ้ำร้ายพวกอาหรับที่ผ่านทางเข้ามาเพื่อโจมตีอิสตันบูล ได้ทำลายเมืองเอเฟสไปด้วย
สิ่งก่อสร้างที่คงเหลือให้ได้ชมในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มีอายุนับแต่สมัยจักรพรรดิออกุสตุส ราวศตวรรษที่ 11 เป็นต้นมา และล้วนเป็นศิลปะแบบเฮเลนนิสติก ที่มีความอ่อนหวาน และฝีมือประณีต ภายในอาณาเขตอันกว้างใหญ่ที่สำคัญ อาทิ โรงอาบน้ำ และโรงละครโบราณที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 25,000 คน หอสมุดเซลซุสที่เหลือเฉพาะด้านหน้า จุดบูชาเทพเจ้าและอีกมากมาย ฯลฯ
Ephesus มีประตูเข้าออก 2 ทาง ระยะทางจากประตูแรกไปประตูที่สอง ระยะทางประมาณ 1.3 กิโล
เช้านี้รีบตื่นแต่เช้ามืด ยังพอมีเวลาเดินชมเมืองอีสตันบูลยามเช้า ขอเดินกลับไป The Blue Mosque อีกครั้งกับแสงเช้า แต่ข้างนอกยังมืดมากเลยได้แสงไฟสวยๆมาด้วย
เราออกเดินทางจากอีสตันบูล หลังจากรับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมเรียบร้อยแล้ว พวกเราเดินทางโดยซื้อทัวร์ท้องถิ่นรวมการเช่ารถตู้ด้วย จากอีสตันบูลมายัง Ephesus ระยะทาง 520 กม. ใช้เวลาเดินทาง 6 ชม.
เส้นทางการเดินทาง มีนำรถลงเรือเฟอรี่ข้ามทะเลจากฝั่ง Ferry Port IDO มายัง Topçular Feribot İskelesi ทำให้พวกเราได้มีโอกาสลงมายืดเส้นยืดสาย และเก็บภาพสวยๆระหว่างอยู่ในเรือเฟอรี่
เราแวะทานข้าวกลางวันที่เมืองBursa คนขับพาไปทานที่ร้าน Yüce Hünkar อาหารรสชาดงั้นๆ แต่วิวมุมสูงชมเมืองหลักล้าน มัวแต่หิวใช้มือถือถ่ายไว้นิดหน่อย แต่วิวระหว่างเดินมาร้าน แสงเงายอดเยี่ยมมาก
วันนี้มาถึง Ephesus เย็นมากแล้วไว้ค่อยเข้าเมืองโบราณพรุ่งนี้ เราแวะพักที่เมืองใกล้ๆริมทะเล ชื่อเมืองKuşadası ที่พักอยู่ริมทะเลใกล้จุดวิวพ้อยของเมือง ตอนเช้าเลยพอมีเวลาลงมาเดินเล่นเก็บแสงเช้าสักนิด
เรายังพักที่นี่อีกคืน จึงพอมีเวลาชิวชิว ทานอาหารบนดาดฟ้าของโรงแรม ชมวิวมุมสูง สายๆค่อยออกเดินทางมาเมืองโบราณ หลังรถจอดด้านหลัง ลุงเน็กคนขับนัดรับพวกเราด้านหน้า เพราะการเดินชมเมืองเราจะเดินจากจุดที่ 28 มาจนถึงจุดที่ 1 คงใช้เวลาประมาณครึ่งวันหรือเลยกว่านั้นสำหรับทริปหอยทาก ที่เคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าเช่นกลุ่มของพวกเรา
หลังจากซื้อตั๋วเข้าชมเสร็จ ก็ไล่เก็บภาพมาเรื่อยๆ
จุดแรกบริเวณทางเข้า จุดที่28 Bath of Varius โรงอาบน้ำโรมันนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นน้ำเย็น (frigidarium) น้ำอุ่น (tepidarium) และน้ำร้อน (caldarium) ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็น ตอนเช้าเมืองโบราณนี้จึงปกคลุมด้วยหมอกบางๆ ทำให้สวยงามแปลกตาไปอีกแบบ
จุดที่ 26-27 เป็น ลานกว้างโล่ง เรียกว่า Agora เป็นพื้นที่ชาวเมืองเข้ามาพูดคุยกันไม่ใช่เพื่อการค้าขาย จึงเรียกว่าเป็น State Agora ที่พบปะสังสรรค์ของผู้คนในยุคโบราณ และ Isis Temple วิหารสร้างถวายแด่จักรพรรดิโรมัน ซึ่งถือกันว่าจักรพรรดิมีความศักดิ์สิทธิ์เท่าเทียมกับเทพในยุคกรีก
จุดที่25 Odeon โรงละครเล็ก หรือที่ประชุมสภา มีลักษณะคล้าย Theatre หรือโรงละคร สำหรับเป็นห้องประชุมสำหรับคณะรัฐมนตรี เจ้าเมืองและคณะ คุยกันเรื่องกิจการบ้านเมือง และบางครั้งก็ได้ใช้เป็นที่จัดคอนเสิร์ต หรือการแสดงต่างๆ
หลังจากนั้นเราก็เดินผ่านซากปรักหักพัง กองก้อนหิน และ รูปแกะสลักที่กองเกลื่อนกราด จนมาถึงจุดที่มีคนมาถ่ายภาพมากที่สุดจุดนึง คือ ภาพแกะสลักเทพีไนกี้ Nike เทพเจ้าแห่งชัยชนะ ซึ่งนำมาใช้เป็นแบรนด์รองเท้าไนกี้
Latrina ห้องน้ำสาธารณะ ในสมัยก่อน
Hadrian’s Temple สร้างขึ้นประมาณสมัย ค.ศ. 138 โดยบนวิหารจะมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการสร้างเมือง Ephesus โดย Androklos
เดินไปตามาทางเรื่อยๆ จนถึงจุดที่2 ใกล้ทางออกอีกด้าน จะพบ Theatre ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก พอๆกับสนามกีฬาสมัยนี้เลยทีเดียว ระบบการจัดการเรื่องเสียงคงดีมากๆ น่าจะได้ยินถึงคนที่นั่งอยู่บนสุดได้
เราเดินชมเมืองโบราณ จนบ่ายคล้อย ถึงแดดจะแรง แต่อากาศเย็นสบายไม่ร้อนมากมายนัก เดินไปเรื่อยๆจากจุดเริ่มต้น ไม่นานก็ถึงจุดทางออก นั่งพักกินไอติมเจลาโต เปรี้ยวๆเย็นๆ ก็หายเหนื่อยได้เหมือนกัน
ช่วงบ่ายหลังจากลุงเน็ก พาไปทานอาหารกลางวัน เราจะไปต่อที่หมู่บ้านโอทอป ผลิดไวน์กัน ออกจากเมืองโบราณ ลุงเน็กจอดให้พวกเราเดินช้อปปิ้งกลางเมือง เหมือนตลาดนัดมีของขายเยอะแยะ ทั้งเครื่องเงินและทองรูปพรรณ พวกเราไม่มีความรู้ด้านนี้และไม่อยากโดนแขกหลอกเลยเดินผ่านกันไป แวะซื้อถั่วและอินทผาลัม ซึ่งดูสดสะอาดและราคาไม่แพง กันคนละหลายถุง
เดินกันจนหิว ลุงเน็กจึงพาไปทานปลาทะเลสดๆ เป็นปลาซีเบส และ ปลาอีกชนิดจำชื่อไม่ได้แล้ว สดอร่อย ถ้ามีข้าวสวยร้อนๆด้วยจะอร่อยยิ่งกว่านี้ แต่คนขายเค้าเสริฟให้กินกับขนมปังแผ่นแบนๆแข็งๆ ไม่เข้ากันกับปลาเลยสักนิด
อิ่มกันดีแล้วก็ไปต่อที่หมู่บ้านทำไวน์กัน แวะแผงลอยข้างทาง แทบจะเหมาลูกฟริกซ์ตากแห้งเค้าหมดแผง เพราะสดอร่อยและราคาย่อมเยากว่าซื้อในเมืองมากมาย
หมู่บ้าน Şirince Köyü Birleştirilmiş Sınıflı İlkokulu (พิกัด 37°56'42" N 27°25'57" E ) น่าจะเป็นหมู่บ้านที่ปลูกองุ่น และ ผลิตไวน์ส่งขาย รอบๆหมู่บ้านเป็นแผงลอยขายผลไม้และสินค้าอื่นๆทั่วไป ให้เดินดูและเลือกซื้อ
แต่คณะเรากลับไปสนใจบ้านไม้เก่าๆ และตรอกแคบๆ แสงเย็นกำลังสวย เก็บภาพกันอย่างสนุกสนาน
กลับมาโรงแรม ยังทันได้ถ่ายพระอาทิตย์ตกริมทะเล ก่อนไปทานข้าวเย็นกัน
พรุ่งนี้เราต้องเก็บของ และออกเดินทางต่อ เราจะไปที่ Pamukkale ไฮไลท์อีกแห่งของตุรกี ติดตามตอนต่อไปได้ที่
https://somersetmghm.blogspot.com/2020/01/turkey-2019-pamukkale.html
No comments:
Post a Comment
ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......