Monday 3 June 2024

Zhangjiajie-Furong-Fenghuang #1

 Changsha จุดเริ่มต้นของทริป

ฉางซา (Changsha) เมืองหลวงแห่งมณฑลหูหนาน (Hunan) สาธารณรัฐประชาชนจีน (China) เที่ยวฉางซาไม่ใช่เรื่องยาก เที่ยวจีนฟรีวีซ่าแล้วด้วย สามารถบินมาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติฉางซา หวงหัว (Changsha Huanghua International Airport) ซึ่งภายในเมืองฉางซาก็สามารถเดินทางได้ง่ายด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวกสบาย ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเที่ยวฉางซาด้วยตัวเองได้ไม่ยาก 


ทริปนี้เกิดแบบกระทันหันมีเวลาเตรียมตัวเดือนกว่าๆ โดยหลานชายเป็นผู้นำทริปจัดเตรียมแผนการเดินทาง การจองที่พัก และรายละเอียดต่างๆ ซึ่งทำได้ดีมาก สมกับเป็นคลื่นลูกใหม่ เราคิดว่าตัวเราเองทำแผนดีแล้ว เจอคุณหลานละเอียดกว่าเยอะเลย งานนี้ ป้าเลยสบายเดินถ่ายรูปได้เต็มที่

เราเลือกสายการบิน แอร์เอเชีย ออกจากดอนเมืองตอน 6โมงเย็น ถึงสนามบินเมืองฉางซา เวลาประมาณเกือบ ห้าทุ่ม ใช้บริการรถแท๊กซี่ของสนามบิน ซึ่งคิดตามมิเตอร์และบวกค่าสนามบินนิดหน่อย  การจ่ายเงินใช้จ่ายผ่านแอปอาลีเพย์  ซึ่งหลานชายเคยใช้งานเมื่อคราวมาจีนครั้งก่อน จึงไม่มีปัญหาการเชื่อมต่อบัตรเครดิต

 

 



การใช้จ่ายที่นี่ นอกจากเงินสดแล้ว ควรมีแอปอาลีเพย์ผูกบัญชีกับบัตรเครดิต ซึ่งจะสะดวกในการเดินทาง ใช้เรียกแท๊กซี่ซึ่งแอปดีดี เค้าผูกกับแอปอาลีเพย์  อีกแอปนึง คือแอปไทย ทรูมันนี่ ซึ่งผูกการใช้ผ่านบัตรเติมเงินกับแอปอาลีเพย์ ซึ่งเราใช้สแกนซื้อของ ซื้อบัตรรถไฟฟ้าใต้ดินได้  จากการใช้งานก็แล้วแต่เราสะดวก เพราะใช้ได้ทั้ง 3 รูปแบบ  แต่จะสะดวกที่สุดก็แอปอาลีเพย์ เพราะคนที่นี่ใช้แอปนี้กันเป็นส่วนใหญ่ เงินสดก็พอได้ แต่บางร้านค้า เราอาจต้องรอเค้าวิ่งไปหาแลกเงินทอนมาให้เรานานหน่อย

อีกเรื่องที่อยากแนะนำ คือที่พัก เราควรพิมพ์รายชื่อโรงแรมทั้งอังกฤษและจีน และที่อยู่ มีรูปแนบด้วยยิ่งดี จะช่วยให้แท๊กซี่ค้นหาจุดหมายเราได้ง่ายและไม่หลง

มีอุบัติเหตุเล็กน้อย คือล้อกระเป๋าหลุด หลังจากเราลากกระเป๋าออกมาเรียกแท๊กซี่ด้านนอก และก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ไม่รู้จะเคลมกับสายการบินอย่างไร ตลอดทริปต้องทนลากกระเป๋า ที่เหลือล้อ 3 ล้อ เพราะหาซื้อกระเป๋าเปลี่ยนไม่ได้เลย ซึ่งก็ดีเพราะตัวกระเป๋ายังอยู่ในสภาพดีมาก จะทิ้งก็เสียดาย โชคดีที่กลับมาแล้ว หาซื้อล้อกระเป๋าในลาซาด้ามาเปลี่ยน สวยเหมือนของใหม่และถูกด้วย  และตัวกระเป๋าเราก็กลับมาเคลมที่สนามบินดอนเมือง ได้เอกสารมาเพื่อเคลมประกันอีกทีนึง

 


กว่าเราจะเข้าที่พักก็ปาเข้าไปเกือบ ตีสอง วันรุ่งขึ้น เรายังไม่ไปไหน คงเที่ยวในฉางซานี่แหละ นัดกัน 8 โมงเช้า เพื่อทานอาหารเช้าในโรงแรมที่รวมอยู่ในค่าที่พักแล้ว

 



รุ่งเช้าอาบน้ำแต่งตัว อากาศช่วงเดือน พฤษภาคม คล้ายๆกับบ้านเราเย็นกว่านิดหน่อย แต่งตัวได้ตามปกติ ที่ห้องอาหารมีอาหารจึนแบบบุปเฟ่ต์ ที่อร่อยมากโดยเฉพาะมะเขือม่วงผัดอร่อยมาก แต่หม่าล่า ยังไงก็ไม่ชิน ไม่ชอบเลย  มันซ่าส์ๆและมีกลิ่นสาปๆชอบกล

 

 




โปรแกรมวันนี้ เราจะไปเที่ยวเกาะส้ม  จากนั้นไปวัดไคฟุ  บ่ายๆเย็นๆค่อยมาเดินถนนคนเดิน Wuyi Square การเดินทาง เราใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน เป็นหลัก โรงแรมที่พักอยู่ห่างจากสถานีนิดเดียว ประสบการณ์แรกคือการซื้อตั๋วรถไฟฟ้า หลังจากมายืนงงหน้าตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ ที่หน้าจอเค้าจะมีให้เลือกภาษาอังกฤษ จากนั้นก็ไม่ยากแล้ว เลือกตามเมนู จนถึงขั้นตอนจ่ายเงิน เริ่มยุ่งแล้ว ตอนแรกๆให้หลานสแกนจ่ายด้วยแอปอาลีเพย์ แต่พอสถานีถัดไป ก็ลองสแกนด้วยทรูมันนี่ ผ่านฉลุย แต่แอปอาลีเพย์ของคนอื่นๆกลับไม่ผ่านเพราะบัตรเครดิตที่ใส่ไว้ไม่ลิงค์  แต่แค่นี้ชีวิตก็ไม่ยุ่งยากแล้ว แต่ภายหลังก็ใช้งานได้ ให้เราเข้าไปดูการตั้งค่าในบัตรเครดิตในแอปมือถือ ที่ตั้งล๊อคค่าบางตัวไว้ ทำให้ใช้งานไม่ได้ในต่างประเทศ



 

 


ได้เหรียญมาแล้วก็มารอรถ เรามาลงที่สถานี Juzizhou ถัดจากสถานีWuyi Square 1 สถานี  

เกาะสีส้ม(Orange Isle) หรือ จูจื่อโจวโถว (Ju Zi Zhou) เป็นเกาะกลางแม่น้ำเซียงเจียงใจกลางเมืองฉางชา มณฑลหูหนาน  ตัวเกาะมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 70 ตารางกิโลเมตร ความกว้างประมาณ 50-200 เมตร และยาวประมาณ 5 กิโลเมตร ที่มาของชื่อเกาะส้มนั้นก็มาจากสีของหินและทรายที่มีสีเหมือนกับลูกพีช  ที่นี่ถือเป็นสถานที่เที่ยวฉางซายอดนิยมของทั้งชาวจีนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เกาะแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังจากสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีรูปปั้นประธาน เหมา เจ๋อตุง ที่สูงถึง 32 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่ห้ามพลาด

ความสำคัญของเกาะส้ม เนื่องจากบนเกาะแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่ เหมา เจ๋อตุง บิดาของจีนยุคใหม่ เคยได้มาใช้ชีวิตตอนสมัยยังหนุ่มบ่อย ๆ ทั้งเดินเล่นบนชายหาด เล่นน้ำ นอนอาบแดด ฯลฯ จึงมีการสร้างอนุสาวรีย์ดังกล่าวเพื่อรำลึกถึงท่าน รูปท่านถูกแกะสลักจากหินขนาดใหญ่ สูงถึง 32 เมตร เป็นรูปปั้นสมัยยังหนุ่ม 




จุดทางเข้าอยู่หัวเกาะ ต้องนั่งรถรางไปจุดไฮไลท์ คือรูปปั้นท่านประธานเหมา ที่อยู่ปลายเกาะ ลงจากรถรางแล้ว ต้องเดินต่อผ่านสวนที่ร่มรื่นเข้าไปไกลพอควร






อนุสาวรีย์ท่านประธานเหมาวัยหนุ่ม แกะสลักจากหินอ่อนสีขาวขนาดใหญ่ สูงถึง 32 เมตร แค่ศรีษะถึงคอ นักท่องเที่ยวชาวจีนเยอะมาก




 

 


ภ่ายรูปกับท่านประธานเหมาจนเบื่อแล้ว ก็หันมาถ่ายวิวทิวทัศน์กันบ้าง







รอบๆเกาะเค้าทำเป็นสวนสาธารณะ มีคนจีนมาออกกำลังกาย เดิน วิ่ง กันเยอะ 

ขากลับก็เดินมาขึ้นรถรางตรงจุดที่ส่งลง กลับมาหัวเกาะเพื่อลงรถไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อไปวัด Kaifu 

อีกเรื่องที่อยากเล่าสู่กันฟัง เรื่องห้องน้ำจีน ที่พวกเรากังวลกันมาก ปรากฎว่าเค้าพัฒนาไปไกลดีกว่าเมื่อก่อนมากมาย เหมือนๆบ้านเรา ห้องน้ำที่เกาะส้ม จะมีเป็นระยะๆ และความสะอาดพอยอมรับได้ไม่เหม็น และมีกระดาษชำระให้ใช้ด้วย แม้ตามจุดอื่นๆในฉางซาก็หาห้องน้ำสาธารณะเข้าได้ไม่ยาก มารยาทการใช้ห้องน้ำของคนรุ่นใหม่ก็พัฒนาดีขึ้น ใช้ห้องน้ำเป็นรู้จักทำความสะอาด  แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นส้วมแบบนั่งยองๆ ซึ่งเป็นปัญหากับคนที่นั่งแล้วลุกไม่ขึ้นเช่นพวกเรา นี่แหละ 





เรานั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานีวัดไคฟุ โชคดีมากหน้าสถานี หน้าวัดบรรยากาศสงบ ร่มรื่น คนไม่ค่อยมี เรานั่งพักขาและซื้อไอติมมากินกัน และนั่งดูบรรดาหมอดูทำนายทายทัก อยากใช้บริการเหมือนกัน แต่เค้าพูดแต่ภาษาจีนนี่สิ ฟังไม่รู้เรื่อง เลยได้แต่ดู






วัดไคฟุ Kaifu Temple โบราณสถานแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่นอกประตูทิศเหนือของเมืองฉางซา มณฑลหูหนาน วัดแห่งนี้เป็นวัดพุทธนิกายเซน สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง สันนิษฐานว่ามีการสร้างมาตั้งแต่ในช่วง ค.ศ. 907-960 มีอายุกว่า 1,300 ปี ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมโบราณ ประติมากรรม และภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถมาไหว้พระขอพร ชมความงดงามของสถาปัตยกรรมและเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมพุทธศาสนาได้ 

เมื่อซื้อบัตรผ่านประตูและผ่านประตูเข้ามาแล้ว จะได้รับแจกธูปเที่ยน 1 ชุด เราสามารถแวะไหว้พระ ไหว้เจ้าแม่กวนอิม และ เทพอื่นๆในวัดได้ เมื่อไหว้เสร็จแล้ว ให้เอาไปเข้าเตาเผาตามประเพณีของที่นี่

 


 

 

ภายในวัดสงบร่มเย็น 



 





 


มีการจัดแสดงแสงสี ภายในอาคาร จัดแสดงได้อย่างสวยงาม


 

 

 





 


มาฉางซา ไม่ควรพลาดมาชมจอ LCD แบบ สามมิติ ที่สี่แยกหน้าตึก IFS ตรง Wuyi Square เวลาที่ควรชมคือช่วงค่ำๆ ยิ่งมืดยิ่งจะเป็นภาพในจอทะลุออกมาจากจอทีเดียว 


ส่วนถนนคนเดิน ยิ่งเย็นคนยิ่งมาก มากมายมหาศาล เต็มไปด้วยวัยรุ่นชาวจีน ของที่วางขายส่วนใหญ่เป็นของแบรนด์เนม เราพยายามเดินหาร้านขายกระเป๋าเดินทาง กลับหาไม่พบ เพราะของที่วางขายจะเน้นกับกลุ่มวัยรุ่นจีน มากกว่านักท่องเที่ยว เราจึงได้แต่ดูแต่ไม่ซื้อ 










ที่น่าสังเกต คนที่นี่นิยมดื่มชามาก ร้านชาเยอะมากแทบจะห้องเว้นห้องเลยทีเดียว ลองชิมที่เค้าว่าแน่เข้าแถวยาวเหยียด เราว่าสู้ชาตรามือบ้านเราไม่ได้ ของเค้าจืดๆมันๆ


 




ร้านอาหารประเภท ฟู๊ดคอร์ท พอหาได้จะขายอาหารรวมๆ ราคาค่อนข้างแพงทีเดียว รสจัดมาก เรียกว่าเค็มมากทีเดียว 


 





อีกจุดที่ไม่ไปไม่ได้  นั่นคือการจำลองย่านเมืองเก่ามาไว้บนห้างสรรพสินค้าHisense Plaza เค้าทำได้เนียนเหมือนเราเดินอยู่แถวสำเพ็งเลย

 

 

 

 


 

 



ถนนคนเดิน ตอนค่ำๆ 


 




จบทริปวันนี้ พวกเราเดินไปทั้งหมด 22,384 ก้าว หรือเป็นระยะทาง 14.85 กม. เล่นเอาเข่าเดี้ยง ต้องทานยาแก้เส้นเอ็นอักเสบ ก่อนนอนเพื่อให้วันรุ่งขึ้นมีแรงเดินได้

พรุ่งนี้พวกเราจะนั่งรถไฟความเร็วสูง จากฉางซาไป เมืองโบราณเฟ่งหวง  เมืองโบราณ“เฟิ่งหวง” หรือ “ฟ่งหวง” แห่งมณฑลหูหนาน ก็เป็นอีกหนึ่งเมืองเก่าที่ประเทศจีนอนุรักษ์ไว้เพื่อการท่องเที่ยว โดยมีการแต่งเติมสีสันเข้าไปบ้างเพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้กับเมืองนี้ 

จะเป็นอย่างไร ติดตามชมได้นะคะ






No comments:

Post a Comment

ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......