Tuesday, 26 November 2024

Jiuzhaigou-Huanglong-Bipenggou #1

 #1 - Chengdu , Huanglong  (25-27 Oct 2024)


อันเนื่องมาจากตั๋วการบินไทยบินตรงเฉินตู ราคาถูก พวกเราจึงไม่รอช้ารีบสอยเอามาทันใด ตกลงกันว่าเอาช่วงปลายๆ ตค. ใบไม้เปลี่ยนสีกำลังสวย

แต่เราก็หลงลืมไปว่า ช่วงนี้เป็นไฮไลท์ของการเที่ยวจิ่วจ้ายโกวด้วย เราลุ้นให้รถไฟความเร็วสูงเสร็จทันเปิดใช้งานที่สถานีจิ่วจ้ายโกว และก็เสร็จจริงๆ แต่คนมากมายมหาศาลแย่งกันจอง มีการเปลี่ยนเพิ่มลดขบวนจนเวียนหัว พวกเราเลยถอดใจหันมาดูรถเก๋งเช่าดีกว่า

โชคดีที่มีญาติของในกลุ่ม พึ่งกลับมาเที่ยวที่จิ่วจ้ายโกว เลยแนะนำรถเช่าพร้อมคนขับให้พวกเรา ชื่ออาใช่ กวงซุน  การติดต่อเราใช้การติดต่อผ่านทาง Wechat โดยแอปนี้มันช่วยแปลภาษาไทยเป็นจีน และ จีนเป็นไทยให้เสร็จสรรพ จึงง่ายต่อการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน  เราให้อาใช่ ช่วยจองตั๋วเข้าหวงหลงและจิ่วจ้ายโกวให้ด้วย 

การแลกเงิน เราแลกเงินหยวนเอาไว้นิดหน่อย สำหรับใช้กรณีรูดบัตรไม่ผ่าน และเติมเงินเพิ่มในบัตรธนาคารที่ผูกไว้กับแอบอาลีเพย์ และ ทรูมันนี่ เอาไว้ ซึ่งใช้งานได้ดีมาก รูดปรื้ดเกือบทุกครั้งถ้าเราส่ง QRcode ของเราให้เค้ายิง ผ่านตลอด แต่หลายครั้งพอเปลี่ยนมาเป็นเราสแกนเค้าบ้าง มักจะไม่ผ่าน ฉะนั้นจึงควรมีเงินสดติดตัวไว้บ้าง 

วันเดินทาง พวกเราเดินทางถึงสนามบินนานาชาติเทียนฟู เมืองเฉินตู ประมาณ 15 น. ออกมาหน้าอาคารก็เดินดูป้ายรถ ShutterBus เลือกปลายทาง ตึก IFS ค่ารถคนละ 15 หยวน รถบัสจะมาส่งตรงข้ามกับตึกIFS ตรงก้นหมีแพนด้าที่กำลังปีนตึก ใช้เวลาเดินทาง ชั่วโมงกว่าๆ





เราจองโรงแรม Rhombus Park Aura Chengdu Hotel ที่อยู่หลังตึกIFS นึกไม่ถึงว่าตรงนี้จะเนืองแน่นไปด้วย หนุ่มสาวชาวจีน มาเดินช้อปปิ้งกันที่บริเวณนี้  ห้องพักสวยงามมากมาย อาหารเช้าก็หลากหลายอร่อยด้วย เสียดายว่าเราพักแค่คืนนี้คืนเดียว





หลังจากวางกระเป๋า เข้าห้องน้ำกันเรียบร้อย ก็ออกมาเดินชมเมืองกัน เราเดินไปทางหลังตึก IFS ที่เป็นห้างสรรพสินค้าแบรนด์หรูๆ ที่ได้แต่ดูแต่จับไม่ลง  และแวะเข้าวัดเล็กๆ Gudashengci Temple จากนั้นก็ไปหาของกิน 

        


 


ระหว่างเดินกลับ ผ่านด้านหลังตึก IFS ด้านที่มีจอLCD 3มิติ มีคนมาดูภาพที่เหมือนหลุดออกมานอกจอกันเนืองแน่น

 

 




พวกเตรียมแบ่งเสื้อผ้าใส่เป้สำหรับ 4 วันข้างหน้า ส่วนกระเป๋าใบใหญ่ เราจะเอาไปฝากที่โรงแรมที่เราจะกลับมาพักที่เฉินตู ตอนท้ายของทริป (เหตุผลที่แบ่งกระเป๋าใบเล็ก เพราะเราใช้รถเก๋ง SUV 7 ที่นั่งรวมคนขับ พวกเรา 6 คน ก็เต็มรถแล้ว ที่ว่างด้านหลังจึงพอเพียงแค่กระเป๋าใบเล็กสุมกันเท่านั้น) 



เช้านี้ อาใช่ คนขับรถมารับพวกเราที่โรงแรม หลังจากนำกระเป๋าเดินทางไปฝากที่โรงแรม Holiday Inn Express Chengdu Gulou จากนั้นก็กลับมารับสมาชิก เราออกเดินทางกันแบบไม่เร่งร้อน พูดคุยกับอาใช่ ผ่านกูเกิ้ลทรานสเลส  เวลาจะขอให้จอดเข้าห้องน้ำ จะมีรหัสลับบอกว่า พิพิ หรือ ฉิงฉ่อง เป็นอันรู้กัน อาใช่ก็จะหาห้องน้ำสาธารณะที่สะอาดพอสมควร ยกเว้นฉุกเฉินที่มีการปวดหนักเจออะไรก็ต้องเข้า ค่อยอุดจมูกกันไป

พวกเราแวะชมวิวข้างทาง แวะเข้าห้องน้ำ หาอาหารกลางวันรับประทาน และลองขี่จามรี แอคท่าถ่ายรูปกัน กว่าจะเดินทางถึงเมืองซงฟาน ก็เย็นมากแล้ว






หลังจากเราแวะเดินเที่ยวในเมืองเก่าซงฟานกันพอสมควรแล้ว ก็เดินทางเข้าโรงแรมที่พัก เราจองผ่าน Trip.com ซึ่งก็ไม่คิดอะไร แม้จะพอรู้ว่า การจองโรงแรมในจีน มี 2 ประเภทคือ โรงแรมสำหรับคนจีนพักเท่านั้นไม่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และโรงแรมที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย ความที่จองผ่านแอปและก็ไม่มีข้อความเตือนใดๆ จึงวางใจว่าไม่น่าผิดพลาด







แต่ก็ผิดพลาดจนได้ เพราะโรงแรมปฏิเสธที่จะให้พวกเราเข้าพัก แม้อาใช่จะมาช่วยเจรจาก็ไม่ได้ ทางโรงแรมบอกว่าให้เราหาที่อื่น และยินดีคืนเงินผ่านแอปให้ ให้เราเข้าไปยกเลิกการจองในแอปได้เลย 

กำลังเคว้งๆว่าจะทำยังไงดี  อาใช่ อัศวินม้าขาว ก็เข้ามาช่วย บอกไม่เป็นไร เค้าจะหาที่ใหม่ให้ และขอย้ายไปอีกเมืองนึง เดินทางขึ้นไปอีกชั่วโมงนึง ใกล้ทางเข้าหวงหลง ไม่ใช่เขตเมืองเก่าซงฟาน ซึ่งได้โรงแรมที่ใหญ่กว่า ดีกว่า และมีอาหารเช้าด้วย ราคาถูกกว่าที่เดิมอีกด้วย 


 

ถ้ามากันเองแบบมารถไฟ เจอปัญหานี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันยังไงดีเลย 

รุ่งเช้าหลังรับประทานอาหาร เป็นข้าวต้ม ผักดอง ไข่ต้ม กันแล้ว เราก็แอบเม้มไข่ต้มติดกระเป๋ากันคนละฟอง เพื่อไปกินในหวงหลง เช้านี้หิมะลงมาประปรายพอให้ตื่นเต้นกัน เสื้อผ้าเราจัดเต็มเพราะอาใช่เตือนว่าหนาวนะ ชั้นในมีฮีทเทค และเสื้อกั๊กขนเป็ด ด้านนอก ก็มีแจ๊คเก๊ตขนเป็ดอีกตัว ผ้าพันคออีกอย่าง ก็พร้อมลุย อุณหภูมิในหวงหลงประมาณ 2-3 องศา

เส้นทางเข้าหวงหลงผ่านหมู่บ้านเล็กๆ และวิวภูเขาหวงหลงที่สวยงามท่ามกลางหิมะโปรยปราย 

อุทยานหวงหลง (Huanglong Scenic and Historic Interest Area) หรือ หุบเขามังกรเหลือง แหล่งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์บนเทือกเขา Minshan Mountains มีระบบนิเวศที่หลากหลาย ทั้งน้ำพุร้อน น้ำตก แอ่งน้ำหินปูน รวมถึงเป็นแหล่งของพืชพรรณนานาชนิด และสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์อย่าง แพนด้ายักษ์ และ ลิงจมูกเชิดสีทอง เป็นต้น ที่สำคัญยังมีทัศนียภาพที่สวยน่าทึ่งราวกับเป็นดินแดนสวรรค์ ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ อุทยานหวงหลงจึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 1992




อาใช่มาส่งตรงทางเข้าเคเบิ้ลคาร์ และนัดหมายกับพวกเรา เมื่อออกมาให้ส่งข้อความผ่านวีแชท เรียกให้มารับอีกที  การเข้าหวงหลง อาใช่ ซื้อบัตรเข้าให้เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องใช้เอกสารใดๆ แค่ใช้พาสปอร์ตของเราสแกนตรงทางเข้า ก็เรียบร้อยแล้ว  กรณีที่สแกนไม่ผ่าน จะมีประตูด้านข้างให้ออกมาติดต่อ จนท. ตรงช่องข้างๆ เค้าจะเอาพาสปอร์ตไปตรวจสอบ และพิมพ์บัตรผ่านให้เราไปสแกนที่ทางเข้าใหม่อีกครั้ง

คนจีนเยอะมาก เราเข้าแถวเพื่อรอขึ้นเคเบิ้ลคาร์น่าจะ ชั่วโมงกว่าๆ 




เราขึ้นเคเบิ้ลคาร์แล้ว ก็ออกมาต่อรถมินิบัสอีกที หรือจะเดินก็ได้ รถจะมาส่งยังจุดตั้งต้นทางเดินไม้ทอดลงไปยังด้านล่าง ปลายทางคือวัดหวงหลงสุดปลายทาง ระยะทางน่าจะประมาณ 2-3 กม. เป็นการเดินลงอย่างเดียว ข้างทางจะมีห้องน้ำที่สะอาดพอสมควร เป็นระยะๆ 









เดินกันไปก็ถ่ายภาพรอบๆด้านกันไปอย่างมีความสุข ทางเดินกว้างพอให้คนที่เดินอย่างแน่นเดินกันได้สบาย มีเตือนให้ระวังลื่นจากหิมะบ้างเป็นบางจุด








เกือบเที่ยง ก็เดินมาถึงวัดหวงหลง ซึ่งเป็นวัดโบราณเล็กๆ  รายล้อมไปด้วยแอ่งน้ำสีฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วน และภูเขาสูงใหญ่สลับซับซ้อน









ตรงหน้าวัดจะมีลานกว้าง มีร้านค้า 2-3 ร้าน และเก้าอี้ให้พักเหนื่อย และจากจุดนี้จะมีทางแยก 2 ทาง ถ้าเดินต่อไปทางซ้าย จะเป็นทางเดินขึ้นบันใด เพื่อพาไปยังจุดของแอ่งน้ำสีฟ้า ที่สวยงามอันเป็นไฮไลท์ของหวงหลงแห่งนี้  ถ้าแยกไปอีกทาง จะเป็นทางเดินลงเพื่อไปยังทางออกระยะทาง 4 กม.










หลังจากนั่งพักเหนื่อยตรงจุดพัก ซื้อใส้กรอกแดงมาทานกันคนละแท่ง งัดเอาใข่ต้มที่เม้มมาจากห้องอาหารโรงแรม และแอปเปิ้ลที่ซื้อข้างทาง มาทานกันแก้หิว สักพักใหญ่ๆ ก็เริมเดินกลับ เส้นทางเดินกลับ เป็นทางเดินลงเหมือนเดิม แต่เป็นอีกด้าน โดยมีแอ่งน้ำอยู่ตรงกลาง คือเดินเป็นตัวยู เริ่มจากแขนด้านนึงของตัวยู เดินมาจนสุดทางท้องตัวยูที่วัดหวงหลง และวกกลับมายังแขนอีกด้านนึง ระยะการเดินกลับนี้เค้ามีระยะทางไว้ว่าประมาณ 4 กม. 

และเป็นเส้นทางที่สุดสวยด้วยป่าใบไม้เปลี่ยนสี เป็นสีเหลืองทอง ท่ามกลาวทิวเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ








 

ผ่านแอ่งน้ำสีฟ้าเป็นระยะๆ 





สักพัก หิมะเริ่มตกลงมาพร้อมลมที่แรง ลักษณะหิมะไม่ใช่เป็นปุย แต่เหมือนเกร็ดน้ำแข็งใส เหมือนคนเอาปิงซูมาโปรยบนหัวเรา เมื่อโดนตัวเราก็จะละลายกลายเป็นน้ำเหมือนฝนตก  ดีว่าเราเตรียมเสื้อกันฝนกันมา จึงเอามาสวมใส่กัน 













เราเดินตามทางเดินกันแบบเดินไปถ่ายภาพไป แทบไม่ได้พัก กว่าจะถึงทางออกเข่าแทบเดี้ยง น่องตึงแทบระเบิด ตอนกลับโรงแรมต้องแวะร้านขายยา หายาคลายเส้นทั้งยากินและยาทา เพราะเรายังต้องไปเดินหนักๆยิ่งกว่านี้ที่จิ่วจ้ายโกว 

คืนนี้เราพักกันที่ ซงฟานกันอีกคืนนึง ตอนแรกวางแผนว่า ก่อนจะไปจิ่วจ้ายโกว ช่วงเช้าเราจะแวะเที่ยวกันที่ Mounigou Scenic Area  อ่านจากรีวิวแล้วน่าไปเดินมาก ธรรมชาติสวยไม่ยิ่งหย่อนกว่าหวงหลงเลย แต่สภาพร่างกายที่ น่องตึงมากทุกคนจึงลงมติว่า ข้ามไปก่อน พักร่างกันแปร๊บดีกว่า 

ติดตาม จิ่วจ้ายโกว ได้ในตอนต่อไป

Somerset's Memories: Jiuzhaigou-Huanglong-Bipenggou #2



No comments:

Post a Comment

ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......