Saturday, 25 January 2025

Vietnam(1) : Sapa, City in the Fog

 


ครั้งก่อนได้ไปเวียดนามกลาง เว้ ดานัง ฮอยอัน  มาแล้ว  คราวนี้ขึ้นเหนือไปเวียดนามเหนือกันบ้าง ที่แรกที่จะไปคือ ซาปา จากนั้นก็จะไปล่องเรือที่ ฮาลองเบย์  และจบลงที่ ฮานอย เมืองหลวง

เราตั้งใจไปช่วงต้นเดือน มกราคม เผื่อจะได้หิมะติดปลายนวม แต่ก็ได้แต่ฝัน เพราะภาวะอากาศผันผวน แม้จะหนาว ความชื้นสูง แต่ก็ไม่มีหิมะ แค่เจอหมอกตลอดทั้งวัน ก็สวยไปอีกแบบนึง  และก็ไม่ได้เสียใจ เจออะไรก็ชื่นชมสิ่งนั้น ถึงจะเที่ยวสนุก


เราเดินทางถึงสนามบินที่ฮานอย เกือบเที่ยง  ด้วยความที่อยากลองรถบัสนอน ที่นอนไปเลยจนถึงซาปา เราจึงจองรถบัสที่มีมารับที่สนามบินเลย จองรอบบ่ายสองโมง เพราะอยากมีเวลาพักจะได้ไม่โทรมในวันรุ่งขึ้น



รถบัสเป็นแบบ 20 ที่นั่ง ทำแบบเป็นเตียงนอนเลย คือบังคับต้องนอนไป ตอนแรกก็ตื่นตาดีล่ะ แต่พอเข้าเขตซาปา ที่ต้องขึ้นเขาไปอีก 30 กม. ทางเริ่มคดเคี้ยวไปมา เริ่มมีอาการไม่สบายตัวแล้ว เพราะรถจะแกว่งไปมาซ้ายขวา ถ้านั่งก็ไม่เป็นไรนัก แต่พอนอนและแกว่งอย่างนี้ เริ่มมึน ดังนั้น ถ้าขึ้นรถบัสนอนแบบนี้ แนะนำให้นอนให้หลับและตื่นเมื่อถึงซาปาเลย จะไม่เมารถเลย




 

หลังจากการเดินทาง 5 ชั่วโมง จอดให้เข้าห้องน้ำประมาณ 3-4 ครั้ง ก็เดินทางถึงเมืองซาปา เกือบ 2 ทุ่ม ทางรถบัสมีบริการ เอารถตู้ไปส่งผู้โดยสารที่โรงแรมให้ด้วย เราเลือกพักที่โรงแรม เอเดน 


 
 



หลังจากเช็คอิน และเอากระเป๋าเก็บ ก็ออกมาหาอาหารทาน เพราะวันนี้เราทานกันแบบง่ายๆ ยังไม่เจอมื้อหลักเลย กลางคืนอากาศดี ไม่หนาวมาก หมอกจัดและชื้นจัดจนต้องหาหมวกมาสวมไม่ให้หัวเปียก



 


เลือกร้านอาหารใกล้ๆโรงแรม แบบหม้อไฟ ซึ่งดูเครื่องเคียงแล้วเข้าท่า แต่พอชิมน้ำซุปแล้ว พวกเราก็ทำหน้ากันพิกล เพราะมันเป็นน้ำซุปที่ผสมกันระหว่าง เครื่องต้มยำ และ เครื่องยา เครื่องเทศ เหมือนกับมีอะไร ก็ใส่เข้าไปทั้งหมด กลิ่นก็เลยตีกันนัวไปหมด จะต้มยำก็ไม่ใช่ จะเครื่องยาจีนก็ไม่เชิง เครื่องดื่มก็มีน้ำชาสมุนไพรใส่น้ำร้อนมาให้ชิม รสก็แปลกๆ เหมือนมีอะไรที่ใส่ได้ก็ใส่เข้าไป ทั้งกลิ่นทั้งรสเลยแปลกๆ ก็ทนๆกันไปในมื้อนี้ และพวกเราก็ไม่แตะหม้อไฟกับชาสมุนไพรกันอีกเลยตลอดทริป

 

 


ออกจากร้าน เจอปิ้งย่างข้าทาง ยังดูเข้าท่ากว่าร้านใหญ่ๆซะอีก

 

เช้านี้ หลังอาหารเช้าในโรงแรมแล้ว พวกเราตั้งใจเดินชมเมืองยามเช้า เดินไปทางห้างซาปา พลาซ่า ที่เป็นจุดขึ้นกระเช้าไป ฟานซีพาน  แต่พวกเราโชคร้ายที่ไปช่วงเค้าปิดซ่อมพอดี เลยอด  เราเดินรอบๆเข้าโบสถ์ และเดินไปทะเลสาป ดอกนางพญาเสือโคร่งเริ่มออกดอกเป็นตุ่มแล้ว อีกอาทิตย์คงสวยมาก


 

 





 







 












เมืองซาปาไม่ใหญ่นัก เดินกันซักพักก็ไม่อะไรแล้ว เปิดกูเกิ้ลแม้ม ดู เห็นมีร้านกาแฟ Moana Sapa ดูภาพแล้วเข้าท่าดี เลยเรียกแท๊กซีที่เป็นแบบ รถกอล์ฟวิ่งในรีสอร์ทบ้านเรา ก็สะดวกดีนั่งกันได้หลายคนไม่เบียด เค้าคิดค่ารถ 50,000 ดอง (67 บาท) 


 มีค่าผ่านประตู ซึ่งสามารถเอาคูปองไปแลกเครื่องดื่มได้ สถานที่เค้าจัดมุมพร๊อพให้ถ่ายรูปไว้หลายมุม ซึ่งจำลองจุดสำคัญที่คนนิยมไปถ่ายรูปกัน อาทิ ประตูสวรรค์ที่บาหลี มือยักษ์ที่บาน่าฮิว สะพานกระจก บ้านต้นไม้ เป็นต้น ซึ่งคุ้มค่าเวลาที่มากันทีเดียว







 






















จากที่นี่ คนชับแท๊กซี่ แนะนำว่านอกเมืองมีที่น่าสนใจ วิวสวย และร้านอาหารกลางทุ่ง ตอนคุยกันก็คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง พวกเรานึกว่าคงเป็นหมู่บ้านกับนาขั้นบันใดแบบ กั๊ตกั๊ต ก็ให้เค้าพาไปแต่ให้แวะร้านอาหารให้พวกเราก่อน เพราะเที่ยงกว่าแล้ว คนชับพยักหน้า ระหว่างทางแวะจอดให้เราถ่ายภาพวิวนาขั้นบันใดด้วย.


ขับมาสักพัก ก็จอดและชี้ให้ดูร้านอาหารกลางทุ่งนา บอกให้พวกเราเดินไป เดินข้ามเนินตามทุ่งนาไปสักพัก ข้ามสะพานแขวนก็ถึงร้านอาหาร มองด้านหน้าร้านอาหาร อ้าวติดถนนนี่ รถจอดอยู่หลายคัน ไงคนขับไม่พามาด้านนี้ล่ะ แต่ก็เข้าใจว่าคนขับอาจอยากให้พวกเราซึมซับธรรมชาติ เลยให้เดินตัดผ่านทุ่งนามาซะ (ให้เข็ด) วิว และ อาหารใช้ได้ พอคุ้มค่า








ทานกันเสร็จ ก็เดินข้ามทุ่งกลับมาที่รถจอด คนขับก็ออกรถ พวกเราก็เข้าใจว่าคนขับจะพาไปหมู่บ้านที่บอกว่าสวยๆนั่นแหละ แต่ไหงขับมาทางเดิมล่ะ สักพักก็พามาส่งที่โรงแรม ก็เลยเข้าใจทันทีว่า ที่ว่าวิวสวยก็คือร้านอาหารที่พาไปนั่นแหละ  โดนจนได้ ผลจากการไม่ตรวจสอบกูเกิ้ลซะก่อนเชื่อคนขับ แต่ก็ไม่ได้เสียความรู้สึก เพราะก็วิวสวยอาหารอร่อยจริงตามที่เค้าพาไปแหละ ก็เลยให้คนขับเค้ารอให้เราเอากระเป๋าเดินทาง และให้พาไปส่งอีกโรงแรมซะเลย







หลังจากพักผ่อนกัน ช่วงเย็นก็ออกมาเดินชมเมืองยามเย็น หาอาหารเย็นทาน และแวะช้อปปิ้งพวกเสื้อกันหนาว ที่พอดูราคายั่วยวนมาก ยิ่งสามารถต่อราคาได้ด้วยแล้ว จากเดินชมเมืองอยู่ดีดี กลายเป็นช้อปปิ้งซะนี่ ออกร้านโน้นเข้าร้านนี้ ได้กันมาคนละหลายตัว และ วันรุ่งขึ้นก็ช้อปกันอีก เพราะยิ่งเดินดูร้านอื่นๆ กลับได้ราคาถูกลงทุกที เล่นเอากระเป๋าลูกหลานต้องเอาออกมาใช้ตั้งแต่ที่ซาปา ตอนแรกก็คุยกันว่า พวกเรารีบร้อนซื้อไปไม๊ ถ้าไปฮานอยถูกกว่าที่นี่ไม่ฮาตรึมรึ แต่ก็ถือว่าพอใจกับราคาแล้วล่ะ และก็คิดไม่ผิด เพราะพอมาฮานอย ราคาจับไม่ลงเลย ราคาแพงกว่าซื้อที่ซาปาคูณสองได้เลย 





เช้าวันที่3 วันนี้พวกเราจะไปเที่ยวที่หมู่บ้าน กั๊ตกั๊ต ( Cat Cat Village) ขาไปเราเรียกแท๊กซี่ไปส่ง แต่ไปส่งได้แค่ครึ่งทาง ต้องต่อรถจักรยานยนต์ แต่ตอนกลับ เราให้จักรยานยนต์มาส่งในเมืองทีเดียวเลย ไม่รู้เหมือนกันทำไมต้องต่อรถสองต่อ เหมือนเป็นเขตของรถจักรยานยนต์เจ้าถิ่นมั้ง 










เป็นหมู่บ้านที่อยู่ในหุบ ดูเป็นหมู่บ้านที่เค้าสร้างมาสำหรับนักท่องเที่ยว หรือตัวหมู่บ้านจะอยู่ด้านในหรือด้านนอกก็ไม่ทราบ  เราต้องเดินลงบันใดจากด้านบนลงไปในหุบเขาด้านล่าง 








ไม่คิดอะไรมาก วิวธรรมชาติ และการจัดแต่งสถานที่ ก็เพลิดเพลินสวยงามดี 










 


 

 



 

 


 

 

 

 



กลับเข้าในเมือง แวะช้อปปิ้งต่ออีกนิด ช่วงเย็นเรียกแท๊กซี่ไปส่ง ตลาดกลางคืน แต่ไม่มีอะไรร้านค้าปิดไปเยอะ  

วันที่4 เรามีเวลาที่นี่ตลอดวัน ช่วงเย็นจะเดินทางกลับ โดยใช้รถไฟตู้นอนเดินทางกลางคืน ไปเช้าที่ฮานอย ตอนเช้า เราเดินถ่ายภาพสวนดอกไม้ตรง ซาปาสแควร์ เดินชมเมือง และช้อปปิ้งส่งท้ายอีกนิด  วันนี้อุณหภูมิลดฮวบอย่างรวดเร็ว จากเย็นสบายเป็นหนาวทันทีช่วงบ่าย คนที่นี่บอกว่าตอนนี้บนยอดฟานซีพาน มีหิมะตกแล้ว ถ้ายังหนาวอย่างนี้ อีก 1-2 วัน หิมะน่าจะตกในซาปา


 






ช่วงบ่ายหนาวมาก และหมอกก็จัดจนตัวเปียกเหมือนฝน เลยมาหลบในล้อบบี้โรงแรม รอรถตู้มารับไปส่งที่สถานีรถไฟในเมืองหลาวกาย บนรถไฟมีบริการดีมาก มีขนมปังกรอบ กล้วยหอม และชากาแฟ ไว้ด้วย มีให้ชาร์ตโทรศัพท์ได้ด้วย คนที่นี่ก็มารยาทดี ขี้นรถแล้วก็นอนกันเงียบไม่มีส่งเสียงรบกวนกันเลย



 


ตีห้ากว่าๆ ก็มาถึงฮานอย รถไฟวิ่งนิ่งดีมาก หลับสบายตลอดทาง ติดตามตอนต่อไปที่


ปิดท้ายด้วยภาพกุหลาบซาปา ต้นใหญ่สูงแข็งแรง ราคาถูก ดอกนี้ซื้อมา 20 บาท (15,000 ดอง) ซื้อมาตั้งแต่วันที่มาถึงซาปา จนกลับไปฮานอยต้นยังตั้งตรง ไม่เหี่ยวเลย 



ปล. การเดินทางมาครั้งนี้ เราใช้บริการเอเยนซี่ที่เวียดนามในการซื้อ ตั๋วรถบัสนอน รถไฟ รวมถึงตั๋วเรือท่องเที่ยวที่ฮาลองเบย์ ด้วย ซึ่งเทียบกับราคาที่เราซื้อเองใกล้เคียงกันมาก แต่สิ่งที่ได้รับคือบริการที่ดี มีปัญหาไลน์แจ้งเอเยนซี่ จัดการให้เราได้หมด เราไม่ต้องวิ่งแก้ปัญหาเอง เช่น ที่นั่งบนรถไฟ เราได้ที่นั่งไม่ตรงกับที่ได้รับแจ้ง ติดต่อเอเยนซี่ ก็ได้รับการประสานงานกับทางรถไฟ จนได้ที่นั่งที่ถูกต้อง ถ้าเราซื้อตั๋วเองก็ไม่รู้จะคุยกับใครคงต้องยอมรับสภาพไปโดยปริยาย และการประสานงานระหว่างคนขับรถกับเอเยนซี่ดีมาก พวกเราได้รับบริการที่ดีตลอดทริป

No comments:

Post a Comment

ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......