อุบลราชธานี ได้มีโอกาสไปเยือนหลายครั้ง จึงขอเอามามัดรวมไว้ในโพสต์นี้แล้วกันนะคะ
อุบลเป็นจังหวัดติดชายแดนด้านตะวันออกเฉียงใต้ มีพื้นที่ติดกับประเทศลาวตอนใต้ เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่กว้างใหญ่มาก จนแบ่งแยกจังหวัดออกไป 2 จังหวัด คือ ยโสธร และ อำนาจเจริญ
ชื่อเสียงของอุบลราชธานี ถ้าสายธรรมชาติ ก็ต้องมาเฝ้าดูตะวันขึ้นก่อนใครในสยามที่ผาแต้ม หรือ มาดูดอกหญ้า ที่บานสะพรั่งเหมือนปูพรมไปทั้งป่า หรือจะมาเที่ยวริมฝั่งโขงดูหินรูปทรงแปลกๆที่ สามพันโบก ไม่รวมแหล่งธรรมชาติต่างๆในจังหวัด เช่น น้ำตก และเขื่อน
นอกจากนี้ ถ้าเราจะไปเที่ยวลาวใต้ จำปาศักดิ์ น้ำตกคนพะเพ็ง หรือ หลี่ผี ก็ต้องมาตั้งต้นที่ อุบลฯแห่งนี้
ขอเอาเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ที่ได้มาสัมผัสที่ อุบลราชธานี มาเล่าสู่กันฟังนะคะ
ที่แรก คือ ดงนาทาม ป่าดงนาทาม เป็นป่าอยู่บริเวณทิศเหนือของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม มีพื้นที่ติดต่อกัน 3 อำเภอ คืออำเภอโขงเจียม อำเภอศรีเมืองใหม่ และอำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี บริเวณด้านทิศตะวันออกของพื้นที่ ติดกับแม่น้ำโขงที่เป็นแนวชายแดน ไทย - สปป.ลาว มีพื้นที่ประมาณ 88 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 55,000 ไร่ ในปี 2534 ได้รับการประกาศให้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม
จุดเด่น ของป่าดงนาทาม เหมาะแก่การเดินป่าศึกษาธรรมชาติ เพราะนอกจากความหลากหลายของพืชพรรณและไม้ดอกสวยงามแปลกตาหลายชนิดแล้ว ยังมีน้ำตกขนาดเล็กและขนาดกลาง มีน้ำมากในช่วงเดือนกันยายน - ธันวาคม มีหน้าผาริมแม่น้ำโขงมีหลายแห่ง เหมาะกับการชมวิวทิวทัศน์แม่น้ำโขง ทะเลหมอกที่งดงามยามเช้า
ดงนาทามนี้ เราได้ไปเมื่อปี 2551 ช่วงปลายเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกหญ้าต่างๆ เช่น ดุสิตา สร้อยสุวรรณ ทิพยเกษร กระดุมเงิน เป็นต้น จะบานสะพรั่งเหมือนปูพรม แต่การเดินทางเข้า ดงนาทามในช่วงนั้น มิใช่จะไปกันได้ง่ายๆ เราต้องเปลี่ยนรถตู้ที่ทางเข้าดงนาทาม ต.นาโพธิ์กลาง และจ้างรถปิ๊คอัพที่ดัดแปลงเป็นแบบลุยทางขึ้นเขาได้ ระยะทางเกือบ 7 กม. รถต้องวิ่งไปตามร่องน้ำไต่ขึ้นเขาไปเรื่อยๆ หัวสั่นหัวคลอนกว่าจะถึง ใช้เวลากว่า 2 ชม.
เมื่อขึ้นไปถึงแล้ว บนนั้นไม่มีไฟฟ้า ไม่มีบ้านพัก เรากางเต้นท์ พร้อมเตรียมเสบียงอาหาร ไฟฉายมาพร้อม อากาศตอนกลางคืนไม่หนาวมากนัก ปัจจุบันจะได้รับการพัฒนาไปอย่างไรไม่ทราบได้ เพราะไม่ได้ผ่านไปอีกเลย แต่ถือว่าคุ้มค่ามากกับเหล่าดอกหญ้าทั้งหลาย
การถ่ายภาพดอกไม้เล็กๆเท่าหัวไม้ขีดไฟให้สวย แน่นอนต้องพึ่งเลนส์มาโคร เพื่อเข้าใกล้ดอกไม้ให้ใกล้ที่สุดและยังโฟกัสภาพได้ การเข้าใกล้ดอกไม้บางครั้งก็ต้องถึงกับนอนราบกับพื้นกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังต้องมีสายตาที่แม่นยำในการโฟกัสจุดเด่นที่เราต้องการให้ชัดที่สุด และมือต้องไม่สั่นหรือต้องใช้ขาตั้งกล้องด้วย
ดอกไม้สวยๆที่กว่าจะได้แต่ละภาพ ทั้งเพ่งทั้งบรรจงกันเลยทีเดียว
หลังจากกางเต้นท์เสร็จ เราก็ไปอาบน้ำในลำธารที่มีน้ำตกเล็กๆ ทั้งลานมีคณะเราเพียงคณะเดียว ค่ำคืนพวกเราก็นอนคุยกัน ดูดาวบนท้องฟ้า
เรารีบตื่นก่อนพระอาทิตย์ จากที่พักเดินไปจุดชมวิวริมหน้าผาชนะได ใช้ไฟฉายช่วยกันส่องทาง
ถ่ายไปถ่ายมา ก็ถ่ายกันเอง สร้างบรรยากาศกันเองบ้าง
ลงจากดงนาทามแล้ว ระหว่างทางเข้า กทม. ก็มีแวะเก็บภาพทุ่งนาข้างทางกันนิดหน่อย
มาดงนาทาม แล้วไม่ไปผาแต้ม ก็กระไรอยู่
ผาแต้ม ใครๆก็รู้จัก ตั้งแต่เด็กๆเราจะท่องจำกันว่า ตะวันขึ้นก่อนใครในสยามที่ผาแต้ม อุบลราชธานี
อุทยานแห่งชาติผาแต้ม มีเนื้อที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอโขงเจียม อำเภอศรีเมืองใหม่ และอำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี ประกอบด้วย สภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่านานาชนิด มีจุดเด่นที่สวยงามตามธรรมชาติมากมาย เช่น ผาชัน น้ำตกสร้อยสวรรค์ เสาเฉลียง ถ้ำปาฏิหารย์ ภูนาทาม เป็นต้น
อีกทั้งยังได้มีการค้นพบภาพเขียนสีโบราณ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ อายุราว 3,000-4,000 ปี ที่บริเวณผาขาม ผาแต้ม ผาเจ็ก ผาเมย และถือได้ว่าเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกในประเทศไทยที่มีแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นเส้นกั้นพรมแดน ระหว่างประเทศไทยและประเทศลาวเป็นแนวเขตอุทยานแห่งชาติที่ยาวที่สุด ทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ป่าเขา ทางฝั่งประเทศลาวได้เป็นอย่างดี
ที่ผาแต้ม ช่วงปลายฝนต้นหนาว ราวๆเดือน พย. ก็มีทุ่งดอกหญ้าบานสะพรั่ง สวยงามไม่แพ้ที่ดงนาทาม การเดินทางก็สะดวกสบาย เป็นทางลาดยางอย่างดี ไปง่ายคนก็เยอะตามไปด้วย
และต้องไม่พลาด ตะวันขึ้นก่อนใครในสยามที่ผาแต้ม
ช่วงกลางคืน พวกเราหาญกล้า ไปถ่ายดาวกันที่เสาเฉลียงคู่ เริ่มถ่ายกัน สี่ทุ่ม จบตอน ตีสาม ปูเสื่อนอนถ่ายดาวกันกลางแจ้ง ท่ามกลางความมืดและความเงียบ อาศัยว่าไปกันหลายคน มีเพื่อนวิ่งเยอะ ได้ภาพนิดหน่อยเพราะอุปกรณ์ไม่พร้อม
มาผาแต้มแล้ว ก็อย่าลืมไปเที่ยวที่ น้ำตกแสงจันทร์ หรือ น้ำตกลงรู ด้วย
แต่ทั้งหลายทั้งปวง ถ้าพลาดก็ไม่เป็นไร เพราะที่ทำการอุทยานผาแต้ม เค้ามีแบ๊คดร๊อปภาพสวยๆให้เราถ่ายคู่ ทดแทนไปได้เหมือนกัน
สามพันโบก มาผาแต้มไม่แวะสามพันโบกได้ไง
สามพันโบก เป็นแก่งหินใต้ลำน้ำโขง เขตบริเวณบ้านโป่งเป้า ตำบลเหล่างาม อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี สามพันโบกคือความงดงามใต้น้ำ ที่จะปรากฏให้เห้นความงดงามแค่เพียงในยามน้ำแล้งเท่านั้น เนื่องจากในช่วงฤดูน้ำหลากแก่งหินดังกล่าวจะจมอยู่ใต้บาดาล ความสวยงามวิจิตรของหินที่ถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนเว้าแหว่ง มองเห็นเป็นภาพศิลปะ มีรูปร่างแตกต่างกันออกไป ใหญ่บ้างเล็กบ้าง บ้างเป็นรูปวงรี รูปดาว รูปวงกลม และรูปอื่นๆ อีกมากมาย ตามแต่ที่เราจะจินตนาการจำนวนมากกว่า 3,000 แอ่ง หรือ 3 พันโบก?เพราะมีมากกว่า 3,000 แอ่ง ที่นี่จึงได้ฉายาว่า “แกรนแคนย่อนเมืองไทย”
หากต้องการไปชมสามพันโบกเพียงอย่างเดียวก็สามารถขับรถไปที่นั่นเพื่อชมความงามได้เลย เพราะที่สามพันโบกรถเข้าไปจอดที่นั่นได้ แต่หากอยากล่องเรือไปชมยังจุดอื่นๆด้วย สามารถติดต่อเรือได้ที่สามพันโบกได้เลย มีเรือคอยให้บริการ หรือจะล่องเรือจากหาดสลึง โดยโปรแกรมการล่องเรือ คือ หาดสลึง หินหัวพะเนียง และหาดหินสี ยังหาดหงส์สามพันโบก โดยโปรแกรมสามารถปรับเปลี่ยน ได้ตามใจชอบ ว่าอยากไปตรงจุดใดบ้าง ราคา 700-1000 บาท ตามจำนวนคนและขนาดของเรือ
อุบลยังมีที่น่าสนใจอีกมากมาย โปรดติดตามต่อได้ที่นี่
No comments:
Post a Comment
ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......