26-27 Oct 2018
ติดตามตอนแรก Nikko ได้ที่นี่
https://somersetmghm.blogspot.com/2018/11/1.html
ติดตามตอน2 Ouchi-juku , Aizuwakamatsu ได้ที่นี่
http://somersetmghm.blogspot.com/2018/11/2.html
ติดตามตอน3 Urabandai,Twaki,Mito
https://somersetmghm.blogspot.com/2018/11/3.html
ติดตามตอน4 Hitachi Seaside Park - Yokohama
http://somersetmghm.blogspot.com/2018/11/4.html
ติดตามตอน5 Kamakura - Kawaguchiko
http://somersetmghm.blogspot.com/2018/11/5.html
เช้านี้อุณหภูมิ 11 องศา
หลังจากอาบน้ำ เก็บของเรียบร้อย ระหว่างรอพรรคพวก เราก็ย่องออกมาเดินเล่นหน้าที่พัก ที่อยู่ติดกับสวน Yagizaki Park พร้อมหวังว่าจะได้เห็น ฟูจิซัง แต่ก็ไม่เห็น
เราขับรถเลียบทะเลสาป แต่นอกจากจะไม่เห็น ฟูจิซังแล้ว ใบไม้ก็ยังไม่ค่อยจะเปลี่ยนสีเท่าไหร่นัก ลองเลยไปเจดีย์แดง Chureito Pagod เผื่อจะโชคดี แต่เราก็ผิดหวัง ฟูจิซัง เธอผลุบๆโผล่ไม่ยอมให้เห็นเต็มตัวเลย
เราเข้าโตเกียวดีกว่า แต่ทางด่วนที่นี่ดูทางยากจริงๆ ทางร่วมทางแยกที่มีทางด่วนหลายๆสายตัดไขว้กันนี่ ดูป้ายและช่องทางเข้ายากมาก นั่นจึงทำให้เกิดการลงหรือเข้าช่องทางด่วนผิดช่อง แทนที่จะเปลี่ยนไปช่องทางด่วนอีกสาย กลายเป็นลงทางด่วนซะนี่ ต้องขับเลยไปไกลทีเดียวกว่าจะหาทางย้อนกลับมาเข้าทางด่วนอีกครั้ง และในครั้งนี้เช่นกัน เราเข้าผิดช่อง ต้องขับเลยไปเพื่อหาทางกลับรถมา และเราก็ค้นพบร้านค้า และคนมากมายเกือบทั้งหมดเป็นคนญี่ปุ่น หลังจอดรถลงมาดู พบว่าที่นี่คือจุดขึ้นรถรางขึ้นเขา Takao ซึ่งคนญี่ปุ่นนิยมมาเดินป่าขึ้นเขา หรือ นั่งรถรางขึ้นไป บนเขาดูจากแผนที่จะมีวัดและสวนลิงอยู่ด้านบน cแต่เราไม่ได้ขึ้นไปบนเขาเพราะเวลาไม่มี แค่เดินเล่นนิดหน่อย
เราเดินทางต่อเข้าโตเกียว เนื่องจากเสียเวลาไปเดินเล่นนอกเส้นทางนาน จึงถึงโตเกียวเย็นมาก ซึ่งเป็นช่วงเลิกงานพอดีและเป็นวันศุกร์ด้วย โตเกียวรถติดหนัก บนทางด่วนก็ติด พอๆกับกรุงเทพนี่แหละไม่น้อยหน้ากันเลย กว่าเราจะฝ่ารถติดมุ่งตรงไปวัดอาซากุสะ เพราะที่พักเราอยู่หน้าวัดนี่เอง ชื่อ Nine Hours Asakusa เป็นโฮสเทลแคปซูลสาขาเดียวกับแคปซูลในสนามบิน พึ่งเปิดใหม่เมือเดือน มิย. ที่ผ่านมานี่เอง ราคาเลยถูกเป็นพิเศษ
ระบบการให้บริการนี่สุดยอดมาก เราขึ้นลิฟต์ไปเช็คอินที่ชั้น 9 จะได้รับการ์ดคนละใบ การ์ดนี้จะมี QR Code ใช้แตะเข้าลิฟต์ เข้าห้องอาบน้ำ ชั้น8 และ เปิดล๊อคเกอร์ เลขเดียวกับเตียงนอน ถ้าไม่มีการ์ดนี่ก็เข้าลิฟต์ไม่ได้เพราะต้องลงมาแคปซูลนอนที่ชั้น 3 และเค้ามีถุงใส่ชุดนอน ผ้าเช็ดตัว ผ้าชนหนูผืนเล็กให้ด้วย ในห้องอาบน้ำก็มีสบู่ แชมพูให้ครบ
ส่วนรถของเรา ก็จอดที่เช่าจอดรถที่อยู่ตรงข้ามโรงแรมนี่เอง สะดวกมาก แต่เราก็พลาดที่อ่านราคาค่าจอดไม่เข้าใจ เราจอดทิ้งไว้ทั้งคืนและทั้งวันรุ่งขึ้น เพราะมัวแต่เพลิดเพลินกับการเที่ยว มาเอารถช่วงบ่าย ปรากฎโดนค่าจอดรถ สองหมื่นกว่าเยน เล่นเอาจุกพูดไม่ออก เป็นค่าโง่ที่แพงเอาเรื่อง
เราพักอยู่หน้าวัดอาสากุซะ และตรงนี้ก็เป็นแหล่งช้อปปิ้ง ไม่ต้องเข้าเมืองไปไหนไกล หาข้าวทานแถวๆนั้น และเข้าร้านดองกี้อยู่เกือบติดที่พัก
วันรุ่งขึ้น ก็เข้าไปไหว้พระกันซะหน่อย ก่อนที่จะนั่งรถใต้ดินไปเดินเล่นและกินข้าวที่ตลาด Ameyoko market และกลับมาเอารถเดินทางต่อไปที่นาริตะ เราพักที่นาริตะ เพราะรุ่งขึ้นเราต้องขึ้นเครื่องกลับไทยแต่เช้า ที่นาริตะเราช้อปส่งท้ายอีกนิดหน่อย ไม่มีอะไรพิเศษ จึงขอจบการบันทึกการเดินทางแต่เพียงเท่านี้
No comments:
Post a Comment
ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......