Friday, 31 October 2025

Shanghai และรอบๆ #1(Shanghai)

 Shanghai 

12-21 Oct 2025


ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้กลับมาเยือนเซี่ยงไฮ้ ครั้งแรกที่มาน่าจะไม่น้อยกว่า 20 ปี แล้ว ตอนนั้นประเทศจีนพึ่งเปิดประเทศไม่นาน เมืองแรกๆที่ได้รับปฏิรูปก็คือ เซี่ยงไฮ้ แห่งนี้ ตอนนั้นยังพบเจอบ้านเรือนแบบเก่าโบราณตลอดเส้นทาง และก็มีตึกสูงมากขึ้นมาเป็นจุดๆ ครานั้นได้รับคำเตือนจากไกด์ว่า ห้ามออกมาเดินเล่นคนเดียว และ ห้ามพกโทรศัพท์มือถือให้คนที่นี่เห็น เพราะอาจโดนปล้นได้ คือ ทางการปฏิวัตินำความทันสมัยเข้ามาในประเทศ แต่ วัฒนธรรมความเคยชินของประชาชนยังปรับตัวไม่ทัน ตลอดทริปครั้งนั้นต้องกลั้นมาเข้าห้องน้ำที่โรงแรม หากกลั้นไม่ไหวจริงๆ ห้องน้ำที่จีนจะเป็นอะไรที่สุดจะทานทน จะหาห้องน้ำไม่ต้องถามแค่เดินตามกลิ่นที่โชยออกมาก็หาเจอแล้ว และทุกห้องน้ำจะสกปรกสุดทนเค้าถ่ายแล้วไม่ราดน้ำ เข้าห้องน้ำไม่ปิดประตู  แต่ก็ยังประทับใจกับวัฒนธรรม บ้านเรือน สิ่งก่อสร้าง และ ธรรมชาติ ที่สดสวย 

 


ครั้งนี้กลับมาอีกรอบ เซี่ยงไฮ้ เปลี่ยนรูปโฉม กลายเป็นมหานครที่ยิ่งใหญ่ทันสมัย ในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่ไม่ว่าใครมีอะไรใหม่ ที่นี่ก็มีกับเค้าด้วย ถนนหนทางราบเรียบเดินทางสบาย ผู้คนรุ่นใหม่ปรับตัวเข้ากับความทันสมัยเหมือนคนในประเทศตะวันตก ห้องน้ำห้องส้วมเปลี่ยนรูปโฉมทันสมัย สะอาด ไร้กลิ่นน่ารังเกียจ ส่วนใหญ่มีกระดาษชำระให้ด้วย การเดินทางสะดวกสบายทั้งรถเมลล์ รถไฟฟ้าใต้ดิน รถแท๊กซี่ และที่สำคัญเหนืออื่นใด จีนพัฒนาเป็นสังคมไร้เงินสดได้อย่างเต็มภาคภูมิ เราสามารถใช้จ่ายซื้อของ สั่งอาหาร เดินทาง โดยจ่ายผ่าน อาลีเปย์ที่ผูกการจ่ายไว้กับบัตรเดินทางของธนาคารในไทย

คณะของเราออกเดินทางจากสุวรรณภูมิ โดยการบินไทย ออกเดินทางเวลา ตี1 และ เดินทางถึงสนามบิน Shanghai Pudong International Airport เวลา 7 โมงเช้า หลังจากผ่านความวุ่นวายของ Arrival Card ที่อุตสาห์กรอกออนไลน์มา กลับไม่ได้ใช้ ต้องมากรอกใหม่หน้า ตม. แต่ก็ใช้เวลาไม่นานนัก รับกระเป๋าเดินตามป้ายเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน สายสีเขียว(สาย2) ราคา 6 หยวนตลอดสาย (ปกติ 4 หยวน แต่เฉพาะเข้าสนามบินจะโดน 6 หยวน)  ใช้การจ่ายผ่านแอปอาลีเปย์ แต่ก็ยุ่งๆตอนแรกเพราะต้องกดเปลี่ยนชื่อเมืองก่อน ดีว่าได้ จนท.เค้าช่วยแก้ไขให้เพราะในแอปมันเป็นภาษาจีน แต่หลังจากนั้นก็สบายรูดปื๊ด  

โรงแรมที่เลือกพักวันนี้อยู่ใกล้ สถานี Wuning ฝากกระเป๋าเสร็จก็ออกมาหาอาหารทาน หน้าโรงแรมมีร้านอาหารมากมาย ราคาไม่แพงเพราะออกมาเกือบนอกเมืองแล้ว 

จุดหมายแรกของวันนี้คือ สวน Yuyuan ซึ่งจะมีทั้ง Yu Garden  และ Yuyuan Old Street 

เรานั่งรถใต้ดินสาย 14 (สีเขียวขี้ม้า) มาลงที่สถานี Yu Garden เดินตามคนเค้าไปก็ถึง 



 



เดินทะลุสวนสาธารณะออกมา ชมร้านค้าข้างทางไปเรื่อยๆ ก่อนถึงทางเข้าเมืองเก่า




 

เห็นหอไข่่มุกไกลๆ อย่าพึ่งตื่นเต้น เพราะต่อไปเดินเล่นในเมืองเซี่ยงไฮ้ จะประสบพบเจอภาพหอไข่มุกจะเอียนกันไปเลย

ปากทางเข้า กลางสี่แยกตึกที่อยู่ริมทางก็หรูหราหมาเห่าแล้ว




Yuyuan Old Street (豫园老街) เป็นย่านเก่าแก่ในเซี่ยงไฮ้ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมจีนแบบดั้งเดิม ตั้งอยู่ใกล้กับสวนอวี้ (Yu Garden) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง ย่านนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิงและยังคงรักษาบรรยากาศของจีนโบราณไว้ได้อย่างดี

เข้าไปใน Yuyuan old street จะพบร้านค้ามากมาย ร้านอาหารมากมาย และผู้คนอีกมากมาย อาหารที่ขึ้นชื่อหลายอย่าง ไม่ว่าจะเสี่ยวหลงเปา (อร่อยมาก),บะหมี่ปู,หม่าล่า,ชาจีน 









 

เดินตามป้ายมา อีกจุดที่ต้องมาคือ Yu Garden 豫园   (สวนอี้หยวน) เป็นสวนจีนเก่าแก่ ที่ถูกสร้างโดยเศรษฐีชาวจีน เพื่อให้พ่อแม่ได้พักผ่อน โดยภายนอกสวนจะมีตลาด 100 ปีเฉินหวังเมี่ยวให้จับจ่ายใช้สอยสินค้าต่างๆ 

ที่นี่ต้องซื้อบัตรเข้าชมสวน คนละ 40 หยวน แต่พวกเราเหล่า สว. แสดงพาสปอร์ตได้สิทธิ์ลด 50% ประหยัดไปเยอะเลย 




สวนนี้ไม่ได้ใหญ่โตนัก และความชาญฉลาดของผู้สร้างทำให้เกิดทางเดินวกไปวนมาจนใช้พื้นที่ในสวนได้อย่างคุ้มค่า และได้ชื่นชมความงามของสวนได้อย่างครบถ้วน  ภายในสวนมีการจัดสวนจีน เก๋งจีน และอาคารโบราณ ที่สร้างได้กลมกลืนสวยงาม 

  


 






 




ช่วงนี้คนจีนเค้านิยมเที่ยวในประเทศ แต่งชุดจีนโบราณและมีช่างภาพถ่ายภาพสวยๆให้


 ออกจากสวนแล้ว ก็ไม่คิดไปไหนต่อ เพราะพึ่งเดินทางถึงและแทบไม่ได้นอนบนเครื่องบิน จึงกลับมาโรงแรม พรุ่งนี้เรามีเวลาครึ่งวัน ก่อนที่จะเดินทางต่อไปกับเมือง Wuyuan, Shangrao, Jiangxi ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติ Huangling 

ตอนเช้าหลังทานอาหารเช้าแล้ว ก็ไปเที่ยวกันใกล้ๆ คือ Tian'an Sunshine Plaza 天安阳光广场 หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Tian An 1,000 Trees 天安千树 โครงการ Tian An 1,000 Tree แลนด์มาร์กใหม่ของเซี่ยไฮ้ ออกแบบโดยสถาปนิกชาว อังกฤษ โทมัส เฮเธอร์วิก (Thomas Heatherwick) ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก เขาหวงซาน ในมณฑลอันฮุย เพื่อเปลี่ยนอาคารสูงในเมืองเซี่ยงไฮ้ ให้กลายเป็นภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยป่า ทั้งสองฟากฝั่งของริมน้ำ Suzhou Creek ในพื้นที่กว่า 15 เอเคอร์ ใกล้กับย่านศิลปะอย่าง M50 Art District  Tian An 1,000 Trees เป็นเหมือนตัวกลางที่ เชื่อมทุกอย่างให้เข้ากัน ทั้งสถาปัตยกรรม ธรรมชาติ ศิลปะ และวิถีชีวิตผู้คน 

 







ด้านหลังอาคารจะเป็น ย่านศิลปะอย่าง M50 Art District 






ช่วงบ่าย พวกเราก็เดินทางไป Huangling และ ต่อไป Wangxiangu และมาจบที่ Hangzhou รวม 5 วัน ติดตามอ่านได้ที่  



วันที่ 18 Oct เราก็กลับมา เซี่ยงไฮ้อีกครั้ง เรามีเวลาที่นี่อีก 3 วัน ก่อนเดินทางกลับ คราวนี้เราเลือกพักที่ย่าน ถนนนานกิง ซื่งเป็นย่านที่เป็นศูนย์รวมของทุกสิ่งอย่างในเซี่ยงไฮ้ จะไปไหนมาไหน ก็ใช้สถานีรถไฟฟ้า People Square เป็นจุดตั้งต้นได้เลย

Nanjing Road คือถนนช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดของเซี่ยงไฮ้ และถือว่าเป็นหนึ่งในย่านการค้าที่คึกคักที่สุดของโลก  ถนนเส้นนี้ทอดยาวกว่า 5 กิโลเมตร ซึ่งทอดยาวจากย่านเดอะบันด์ (The Bund) ไปจนถึงวัดจิ้งอัน (Jing'an Temple)  แบ่งเป็นสองส่วนหลักคือ East Nanjing Road และ West Nanjing Road โดยมีร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และโรงแรมเรียงรายตลอดเส้นทาง 

ถึงจะมีร้านค้าแบรนด์เนมมากมาย แต่ก็ไม่ได้กินเงินเรา เพราะราคาของค่อนข้างแพงมาก และสินค้ายอดนินยมอย่างร้านตุ๊กตา POP Mart เยาวชนคนจีนแย่งกันเข้ามาล้นหลาม ตุ๊กตาใหม่ๆที่หมายตาไว้ตั้งแต่กรุงเทพฯจะมาซื้อก็หมด และราคาก็ไม่ได้ถูกกว่าที่เราซื้อที่กรุงเทพมากนัก ร้าน M&M ช๊อคโกเลตเม็ดกระดุมหลากสี ราคาจับต้องไม่ได้เลย แพงกว่าห่อเล็กๆที่เราซื้อใน 7/11 หลายเท่าตัวนัก ไม่รู้ว่าเค้าใช้ช๊อคโกเลตอะไรพิเศษหรือไม่









จุดหมายสำคัญของทุกคนที่มาที่นี่ คือปลายทางของถนนที่สิ้นสุดที่แม่น้ำ Hangpu ที่ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ตั้งหอไข่มุก พลาดไม่ได้คือช่วงหลังพระอาทิตย์ตกดินแล้ว บรรดาตึกโดยรอบจะพากันเปิดไฟสว่างไสวสวยงามอย่างยิ่ง 

 The Bund เดอะบันด์ หรือ ในภาษาจีนเรียกว่า “ไว่ทาน” (外滩) ตั้งอยู่ที่ เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เป็นบริเวณของจุดชมวิวและทางเดินริมน้ำเก่าแก่ยาวประมาณ 1,500 เมตรที่มองเห็นอาคารสไตล์โคโลเนียลและตึกที่ทันสมัยอันโดดเด่น ที่อยู่เลียบแม่น้ำหวงผู่ แม่น้ำสายสำคัญของเซี่ยงไฮ้  ที่นี่เต็มไปด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์ ซึ่งสะท้อนความโอ่อ่าของสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 จนได้รับฉายาว่า “ปารีสแห่งตะวันออก“ 

 เดอะบันด์นั้นถูกสร้างขึ้นในยุคเปลี่ยนผ่านของจีน โดยเฉพาะยุคอาณานิคมของเซี่ยงไฮ้ที่ชาวตะวันตกเข้ามามีอิทธิพลในพื้นที่ ทำให้ย่านเดอะบันด์ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว  ชมอาคารสมัยใหม่ที่โดดเด่นด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป ซึ่งในยามค่ำคืนก็มีสีสันคึกคักไม่แพ้ยามกลางวัน อาคารสวยๆในย่านนี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัย ทำให้เมืองท่าอย่างเซี่ยงไฮ้กลายเป็นมหานครในฝันที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างก็อยากเดินทางมาเยือนสักครั้ง นอกจากนี้ฝั่งตรงข้ามของ The Bund ยังเป็นที่ตั้งของตึกสูงระฟ้าที่สำคัญของเซี่ยงไฮ้อีกด้วย เช่น หอไข่มุกตะวันออก Oriental Pearl Tower, เซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์ และ ตึกจินเม่าทาวเวอร์ เป็นต้น

 




 






จากเดอะบัน เดินกลับที่พัก จากสุดถนนมาต้นถนน 1.5 กม. ที่จริงเค้ามีรถรางเล็กๆบริการรับจาก People Square มาส่งที่เดอะบัน ราคาคนละ 10 หยวน แต่เราสมัครใจเดินชมแสงสีดีกว่า 

มื้อเช้าเราไม่ได้ซื้ออาหารเช้าของโรงแรม เพราะตรอกใกล้ๆที่พักที่เค้าเรียกว่า Breakfast Street เพราะอยู่หน้าโรงเรียนมัธยม จึงมีร้านอาหารเปิดขายแต่เช้าหลายร้าน บางร้านได้รับความนิยมมีผู้คนเข้าแถวรอเข้าร้านล้นหลาม ขอแนะนำเลือกร้านเล็กๆนอกสายตานักท่องเที่ยว แต่คนในพื้นที่มาใช้บริการ อร่อยและไม่แพง 



 


วันนี้เราจะตระเวณเที่ยวในเซี่ยงไฮ้ต่อ  จุดแรกที่ไปคือ 

Site of the First National Congress of the Chinese Communist Party 中国共产党第一次全国代表大会会址  อนุสรณ์สถานการจัดประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ ครั้งที่ 1  การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งแรกได้จัดขึ้นที่นครเซี่ยงไฮ้ ถือเป็นการประกาศการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 23 เดือนกรกฎาคม ปี 1921 ในบรรดาผู้แทนทั้ง 13 คนที่เข้าร่วมการประชุมใน ค.ศ. 1921 มีเพียงสองคนที่เข้าร่วมพิธีประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในอีก 28 ปีต่อมา ได้แก่ เหมา เจ๋อตง และต่ง ปี้อู่ ส่วนที่เหลือกลายเป็นผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากสงครามในทศวรรษต่อ ๆ มาหรือไม่ก็ออกจากพรรคด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง (เช่น ถูกขับไล่หรือแปรพักตร์)

ปัจจุบันตอนนี้ การประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ ได้ดำเนินมาจนถึงครั้งที่ 20 เมือปี 2022 ซึ่งทำให้นาย “สี จิ้นผิง” ได้รับเลือกเป็นเลขาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน 

เรามาถึงแต่เช้า เค้ายังไม่เปิด เดินเล่นกันรอบๆ ที่เป็นศูนย์การค้าตกแต่งอาร์ตมาก ไม่รู้ว่าใช่ New World หรือไม่ เพราะไม่ได้ทำการบ้านกันก่อนมา นึกจะมาก็มาเลย


 




เงียบสงบดี เพราะเรามาเช้า ตอนกลับถึงได้เห็นกองทัพนักท่องเที่ยวมากมาย 

 

 
 




มีร้านแบรนด์เนมมากมาย แต่ไม่ได้กินเงินเราหรอกนะ เพราะแพงมาก อีกอย่างหากอยากได้ก็มาซื้อที่เมืองไทยก็ได้ ราคาไม่ห่างกันเท่าใดนัก

ไม่นานอนุสรณ์สถานฯ ก็เปิด ผ่านการตรวจอาวุธตามธรรมเนียม เรายังไม่รู้ว่ามาที่ใดในตอนแรก คิดว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ไม่นึกว่าจะเป็นอนุสรณ์สถานเกี่ยวกับการตั้งพรรคคอมมินิสต์จีน แต่น่าชื่นชมที่เค้าให้ความสำคัญของการตั้งพรรคคอมมิวนิสต์และพยายามย้ำเตือนความสำคัญให้กับพลเมือง ลูกหลาน ได้เข้าใจ ในวิถีของบรรพชน จะได้ไม่โดนหลอกจากตะวันตก และที่สำคัญคือเข้าฟรีทุกคน 



เข้ามาจุดแรก ก็บรรดารูปสำริดหล่อของผู้จัดตั้งหรือกลุ่มผู้ร่วมจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน มั้ง คิดเอาเองเพราะอ่านภาษาจีนไม่ออก มีบางจุดที่น่าสนใจก็จะเอาโทศัพท์มาส่องแปลภาษาเพื่อความเข้าใจบ้าง คนกลางของกลุ่ม น่าใจเป็น ท่านประธานเหมา ในวัยหนุ่ม นะ




 จากนั้นก็เพลิดเพลิน กับการจัดวางและการพรีเซน สังเกตคนจีนที่เข้ามาชมก็ซาบซึ้งกับทุกสิ่งที่จัดแสดงอย่างดี วัยรุ่นมากมายที่มาชม ก็ได้ความรู้ความเข้าใจในประวัติของชนชาติตนเอง 




 

 





 

 

ก่อนจะออก เป็นจุดชมวีดีทัศน์ น่าจะเป็นการสรุปเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่มตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน จนปัจจุบัน เพราะเข้ามาใกล้จะจบแล้ว มีคนจีนยืนชมอย่างหนาแน่น พอจบวีดีทัศน์ ทุกคนพากันปรบมืออย่างชื่นชม เท่านี้ก็รู้แล้วว่า การสร้างสถานที่นี่และให้คนเข้าชม ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์อย่างไร 



โดยรวมก็คือ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ แต่ตัดตอนเอามาเฉพาะตั้งแต่เริ่มก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน จนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่ ประธานาธิบดีคนแรก คือท่านประธานเหมาเจ๋อตง จนถึงคนที่7 คือ สี จิ้นผิง  เค้าจะผนวกเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในสมัยของ ประธานาธิบดีแต่ละคนไว้ 

อยากให้ประเทศไทย ทำอย่างนี้บ้าง เอาเฉพาะกรุงรัตนโกสิทร์ ว่าแต่ละรัชกาลมีเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้าง และไม่ใช่ทำแต่ตัวหน้งสือยาวพรีดจนคนขี้เกียจอ่าน แต่นำเสนอในรูปแบบต่างๆให้น่าสนใจ หรือว่าที่นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ที่ถนนราชดำเนิน เค้าก็ทำแล้ว ว่างๆคงต้องไปชมสักหน่อย



จุดต่อไปที่ไปคือ หอไข่มุก แต่ไม่ได้ขึ้นหอ เพราะอากาศสลัวมาก เนื่องจากอากาศหนาวเข้าปกคลุม ทำให้มีหมอก และฝนบางๆ ตั้งใจไปพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ข้างๆ คือ Pudong Art Museum ค่าเข้าคนจีน 20 หยวน ต่างชาติ 150 หยวน เราไปกัน 5 คน เกิดเสียดายตัง เลยเปลี่ยนใจ ไปเดินเล่นริมน้ำ ชมวิวฝั่งตรงข้ามคือ The Bund 

 





และมุมศิลปะกลางแจ้ง 







กับวงเวียน mingzhu roundabout elevated walkway จุดเช็คอินยอดนิยม กับทางเดิน Sky Walk วงกลมรอบวงเวียน หน้าหอไข่มุก วงเวียนหมิงจู่เป็นจุดชมวิวที่ยอดเยี่ยมสำหรับการถ่ายภาพตึกระฟ้าที่โดดเด่นของเซี่ยงไฮ้ เราสามารถชมบรรยากาศตึกระฟ้า ในย่านเมืองแห่งอนาคต Lujiazui ทั้ง Oriental Pearl Tower หรือ ตึกหอไข่มุก ได้อย่างใกล้ชิดและชัดเจน 

วงเวียนหมิงจู่เป็นมากกว่าแค่ทางแยก แต่เป็นจุดศูนย์กลางที่สะท้อนถึงความเจริญรุ่งเรืองและความทะเยอทะยานของเซี่ยงไฮ้  สัมผัสกับความยิ่งใหญ่และความทันสมัยของเมืองผ่านตึกระฟ้าอันโดดเด่นรอบๆ

 





จุดต่อไปคือ Wukang Mansion 武康大楼      ตึก 𝟏𝟎𝟎 ปีสุดคลาสสิคหัวมุมถนน อาคารแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นอาคารที่พักอาศัยเท่านั้น แต่ยังเป็นแลนด์มาร์กทางวัฒนธรรมอีกด้วย ทั้งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และความงามทางสถาปัตยกรรมทำให้ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวให้แวะเวียนมาเยี่ยมเยือน ถ่ายรูปไม่ขาดสาย นักท่องเที่ยวมาเยอะจริงๆ 




และจุดสุดท้ายของวันนี้คือวัด Jing'an Temple 静安寺  วัดที่มีชื่อเสียงที่สุดวัดหนึ่งในเมืองเซี่ยงไฮ้ เป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองเซี่ยงไฮ้ สร้างมาตั้งแต่ในยุคของราชวงศ์หมิงในช่วง 800 ปีที่แล้ว 


 


 

 

ยังเหลือเวลาอีก วันครึ่ง คือ พรุ่งนี้เต็มวัน และมะรืน ครึ่งวัน ก่อนกลับประเทศไทย

วันก่อนสุดท้าย วันนี้ไปตามหามุมถ่ายภาพหอไข่มุกจากฝั่งเดอะบัน คือที่  North Bund Green Land
北外滩滨江绿地 สวนสาธารณะเล็กๆ แต่มีมุมที่หลายๆคนต้องมาเก็บภาพมุมนี้ 



 

 


 

 

มุมเดียวเอาให้คุ้ม  แต่ก็ยังพอมุมอื่นสวยๆด้วยนะ




ช่วงบ่าย พวกเราไปช้อปปิ้ง ใกล้ๆกัน คือ Outlets 奥特莱斯  มีสินค้าแบรนด์เนมมากมาย แต่ก็ไม่ได้อะไร เพราะราคาไม่โดนใจ อาจเพราะยังไม่ใช่เทศกาลลดราคาก็ได้ วันรุ่งขึ้นก่อนจะไปสนามบิน ก็ไม่ได้ไปไหนเพราะขี้เกียจ และ เก็บกระเป๋า 

ทริปสำหรับเซี่ยงไฮ้ ก็มีด้วยกันเพียงนี้ แต่ยังไม่จบนะคะ ก่อนที่เราจะกลับมาเซี่ยงไฮ้ ก็มีอีกหลายเมืองที่ไปกัน ติดตามอ่านได้นะคะ 

เมืองแรกที่ไปคือ Wuyuan, Shangrao, Jiangxi ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติ Huangling  ติดตามได้ที่นี่



No comments:

Post a Comment

ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......