บันทึกครั้งนี้ เป็นการเดินทางฉายเดี่ยวไปชมซากุระที่ญี่ปุ่น หลังจากป่วยหนักมาร่วมปี ทันทีที่หายดีก็ไม่รีรอที่จะวางแผนเที่ยวทันที ความที่พึ่งหายป่วย สภาพร่างกายยังฟื้นฟูไม่เต็มร้อย คงสมบุกสมบันเหมือนก่อนไม่ได้ ถ้าชวนใครไปเป็นเพื่อนด้วยเค้าจะเบื่อกับคนป่วยรึปล่าว
ฉะนั้นจึงวางแผนเดินทางคนเดียว เป็นครั้งแรกที่จะต้องเดินทางต่างประเทศคนเดียว และพึ่งฟื้นจากป่วยด้วย จองตั๋วเครื่องบินแล้ว จองที่พักแล้ว ก็มานั่งลังเลว่าเราจะไหวไม๊ ถ้าเกิดไม่สบายที่ต่างประเทศจะทำยังไง ลังเลเกือบจะล้มการเดินทาง ทิ้งตั๋วเครื่องบินหลายรอบ
แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจ สำรวจตัวเราว่า ที่ลังเลไม่ตัดสินใจ เพราะกลัวป่วย หรือ กลัวการเดินทางคนเดียวกันแน่
ถ้ากลัวป่วย ก็ต้องเตรียมการ
- กระเป๋าต้องไม่หนักนัก เสื้อผ้าไปน้อยๆจะได้ลากกระเป๋าได้
- ซื้อน้ำหนักกระเป๋า โหลดเข้าใต้ท้องเครื่องซะ อย่า งก จะได้เดินตัวปลิวได้
- เลือกโรงแรมที่เดินทางสะดวก ใกล้สถานีรถไฟ จะบนดินหรือใต้ดิน ก็ได้ ทำเลที่ตั้งก็เอาที่สะดวก เหนื่อยก็สามารถกลับมาพัก มีแรงก็ออกเที่ยวต่อ
- ทำประกันการเดินทาง เลือกคุ้มครองการเจ็บไข้เจ็บป่วย ให้เยอะพอที่เราจะไม่ต้องกังวล ยอมจ่ายค่าเบี้ยประกันสูงหน่อย
- สำคัญมาก หากเป็นอะไรไป สมบัติพัสสถานที่เรามี คนข้างหลังจะรู้ยังไง ก็ต้องทำพินัยกรรม เขียนรายละเอียดสมบัติต่างๆที่มี บัญชีเงินฝาก บัญชีเงินกองทุน ใส่ไว้ที่โต๊ะหัวเตียง
- ออกกำลังกาย เพื่อฟื้นฟูกำลังให้มากที่สุด
ก็ยังลังเลอีกนะ คราวนี้เป็นความกลัวการเดินทางคนเดียวล้วนๆ ก็ถามตัวเอง ญี่ปุ่นเราไปหลายครั้งหลายหนแล้ว เกือบ 10 ครั้งได้มั้ง ถนนหนทางการเดินทางก็คุ้นชิน ผู้คนเราก็เข้าใจนิสัยของคนญี่ปุ่นแล้วนี่ เอาเป็นว่าเลือกไปในที่ที่เราคิดว่าปลอดภัยสำหรับตัวเองที่สุดแล้วกัน
เลือกไปโอซาก้า เพราะเป็นช่วงเวลาที่ซากุระกำลังเบ่งบานพอดี ต้นเมษายน กำลังพีคเลย
คราวนี้จะเลือกที่พักอะไรดี พักโรงแรมคนเดียวจะดีไม๊ หลังจากค้นหาโรงแรมแล้ว ช่วงนี้ราคาโรงแรมแพงสุดสุด นอน 5 คืน ราคาไม่ต่ำกว่า 2 หมื่น เลยเปลี่ยนแผนหาโรงแรมแบบแคปซูลแทน ตอนแรกหาแถวย่านนัมบะ กลางคืนจะได้ออกมาเดินช้อปปิ้งได้ แต่นาทีสุดท้ายก็มาได้โรงแรมแบบห้องเดี่ยว แต่ใช้ห้องน้ำรวม อยู่ใกล้สถานี Shin Imamiya และ Dobutsuen-Mae Station ยอมจ่ายแพงเลือกชั้นหญิงล้วน ราคารวม 5 คืน ห้าพันกว่าบาท ย่อมเยามาก
และยอมจ่ายแพง สำรองที่พักที่ เกียวโต แบบแคบซูล ไว้เผื่อเหนื่อยจะได้มีที่พัก (บอกตัวเองอย่า งก ) สำรองซ้อนกับที่โอซาก้า 1 คืน ราคาคืนละ 1,200 บาท
หลังจากรวบรวมกำลังใจ ตระเตรียมความพร้อม ส่วนแผนการเดินทาง คราวนี้ไม่มีแผนใดใด คิดไว้ในใจกว้างๆว่า คงเดินทางวนเวียน โอซาก้า เกียวโต นารา หรืออาจจะเลยไป วากายาม่า มีแรงก็ไป หมดแรงก็พัก เที่ยวไปพักไป ตามกำลังที่มี เบื่อก็ช้อปปิ้ง คิดแค่นี้จริงๆ
เอาละนะ Let Go ออกเดินทางได้
วันออกเดินทาง เครื่องออกหลังเที่ยงคืนเล็กน้อย เราควรเดินทางถึงสนามบินดอนเมืองไม่เกิน สี่ทุ่ม ชิวชิว ตอนเย็นยังมีเวลาไปหาหมอฟัน ให้ทำฟันขูดหินปูนให้อีก
แปดโมงเช้า เราก็เดินทางถึงสนามบินคันไซ เป็นที่เรียบร้อย ลงเครื่องก็เดินเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ ไปต่อแถว ตม. ออกมารับกระเป๋า นึกว่าจะโดนตรวจกระเป๋า เพราะมีข่าวว่าช่วงนี้ ตม.เข้มตรวจกระเป๋าทุกใบ ผิดคาด จนท.แค่ถามว่ามากี่วัน มาทำอะไร ก็บอกว่ามาดูซากุระ จนท.ก็พยักหน้าหงึกหงัก บอกกำลังสวย แล้วก็ให้ออกมาได้
แวะเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันซะหน่อย กว่าจะเช็คอินโรงแรมได้ ก็บ่ายสองโมง แวะซื้อบัตร Kansai Thru Pass 3 วัน และ 2 วัน อย่างละใบ เรียบร้อยแล้วก็ขึ้นไปหาอาหารทานที่ชั้น3 เลือกร้านราเมนทานแบบง่ายๆ อิ่มแล้วก็ลากกระเป๋าไปขึ้นรถไฟสาย Nankai มาลงที่สถานี Shin Imamiya
สภาพอากาศ ก่อนมาเช็คแล้วอุณหภูมิลดลงจาก 18 องศา เหลือ 5 องศา หนาวมาก แต่พอวันหลังอุณหภูมิก็สูงขึ้นมาที่ 16-18 เช่นเดิม
มาถึงเที่ยงกว่าๆ เดินออกมาหน้าสถานี กะว่าจะเรียกแท๊กซี่ให้ไปส่งที่โรงแรม แม้ระยะทางแค่ 3-4 ร้อยเมตรเท่านั้น แต่บอกตัวเองอย่าซ่าส์ ยืนรอพักใหญ่ ไม่มีแท๊กซี่ผ่านมาเลย จำใจเดินลากกระเป๋ามาโรงแรม แทบแย่เหนื่อยมากแต่ก็ต้องกัดฟันเดินให้ถึงโรงแรม
นั่งรอเช็คอินที่ล้อบบี้โรงแรม มีเวลากว่า 2 ชม. ไปเดินดูของที่ ห้างดองกี้ดีกว่า เลยที่พักไปสัก 100 เมตรเอง ดูของแต่ไม่กล้าซื้ออะไรเยอะกลัวไม่มีแรงแบกกลับ เลือกพวกเครื่องแกงกะหรีไปฝากน้องชาย ขนมเก็บไว้กินที่โรงแรม
จนได้เวลาเช็คอิน เอากระเป๋าเข้าห้อง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย บ่ายนี้จะทำอะไรดี ไปหาอะไรทานที่ตลาดคุโรมอง ก่อน แล้วค่อยไปเดินช้อปปิ้งที่ดงทงโบริ
เดินเที่ยวตลาดชิมโน่นนี่ไปเรื่อยๆ อิ่มท้องดี ก็้เดินมาถึงหน้าห้างยูนิโคล่ พอดี แวะสิคะรออะไร ได้เสื้อลดราคากลับมาหลายตัว ไม่ลดราคาเราก็ไม่ซื้อ เพราะราคาพอๆกับเมืองไทย แบกทำไมให้หนัก เดินดูรองเท้ากีฬา ราคาแพงเวอร์หยิบไม่ลง ข้าวเย็นไม่หิวเลยเพราะเดินซื้อขนมกินมารายทาง ยิ่งมืดคนยิ่งเยอะกลับที่พักดีกว่า
วันแรกก็จบไปแบบชิวชิว
วันที่2 เช้านี้จะไปดูซากุระที่สวนกวาง เมืองนารา ช่วงบ่ายจะเข้าไปเกียวโต นอนที่เกียวโตสักคืน ไม่เอาเสื้อผ้าไปใช้ชุดเดิมนี้แหละ เอาไปแค่ของใช้และที่ชาร์ตแบตเท่านั้น
จากสถานีรถไฟ Kintetsu Nara ขึ้นรถเมลล์ตรงข้ามสถานีราคา 210 เยน ไปลงที่วัด Kasuga ยังเช้ามากๆ ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย เงียบสงบดีแท้ เดินไปถ่ายโน่นนี่ไปเรื่อยๆ
เช้านี้ หลังจากหลับเต็มที่ กำลังที่ถดถอยไปก็กลับมา เต็มที่ไม่มีอาการเพลียหรือเหนื่อยเลย สงสัยว่าหลังจากวันแรกที่เหนื่อยเต็มที่กับการลากกระเป๋า คงทะลวงจุดง่อยเพราะไม่ได้ออกกำลังมาเลย 1 ปี ฟื้นกำลังกลับมาเหมือนตอนก่อนป่วย และมาเที่ยวครั้งนี้ไม่ได้เอากล้องตัวใหญ่มาเลย ใช้คอมแพค Sony RX100 ที่พึ่งซื้อมาใหม่ ก็เอามาลองทริปนี้แหละ เก้ๆกังๆปรับค่ากล้องได้บ้างไม่ได้บ้าง วัดแสงปรับตั้งค่าแสงผิดๆถูกๆ ว่ากันไป
เดินถ่ายภาพเรื่อยเปื่อยจากหลังวัด มาเจอกวางด้านหน้าวัด พร้อมกับฝูงนักท่องเที่ยวที่เริ่มพร้อมใจมาถึงวัดตอนสายๆเกือบเที่ยง
เห็นฝูงนักท่องเที่ยวเลยหนีนักท่องเที่ยว เดินกลับไปหลังวัด เดินแยกไปทางทะลุไปจนถึง Mizuya Shrine ถ้าเดินต่อไปเลาะ Nara Park ก็เข้าวัด Todaiji ทางทิศตะวันออกได้ แต่วันนี้ก็เดินมาไกลมากแล้ว ตั้งแต่เช้าจนจะบ่ายแล้ว กลับดีกว่า วัดโทไดจิก็เคยมาแล้ว นักท่องเที่ยวเวลานี้คงมหาศาลแน่ กลับมาขึ้นรถเมลล์ป้ายที่ลงตอนเช้า กลับมายังสถานีรถไฟเดิม เพื่อไปเกียวโตต่อ
จากสถานี Kintetsu Nara นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Kintetsu-Tambabashi Station ต่อรถไฟสาย Keihan Main Line มาลงที่สถานี Gion Shijo โผล่ขึ้นมาที่เชิงสะพาน Gion พอดี ชมวิวสวยๆของแม่น้ำ Kamo และซากุระริมแม่น้ำ พรุ่งนี้เช้าจะมาเดินเก็บภาพอีกที
เดินอีกนิดก็จะถึงที่พักที่จองไว้แล้ว แต่ว้าว ซากุระริมถนน กับแสงเงาที่เห็น ขอแวะเก็บภาพและนั่งชมความงามสักนิด (ข้อดีของการเดินทางคนเดียวก็ดีอย่างนี้แหละ นึกจะแวะจะพักก็ทำได้ตามใจ)
เช็คอินเข้าที่พักแล้ว อาบน้ำซะนิด พักสักหน่อย เย็นนี้ตั้งใจจะไปสวน Maruyama ดูซากุระเปิดไฟกลางคืนซะหน่อย ที่สวนนี้ คนญี่ปุ่นไปปูเสื่อนั่งชมนอนชมซากุระกันหนาแน่น แต่เค้าก็มีวินัยดี เรียบร้อย ไม่รบกวนคนอืน ไม่ส่งเสียงดัง เด็กนักเรียนแต่ละโรงเรียนมากันเป็นกลุ่มแบบยกห้องเรียนมา ปูเสื่อนั่งคุยเป็นกลุ่มๆติดๆกัน เค้าก็เรียบร้อยกันดี ไม่มีเขม่นนักเรียนโรงเรียนอื่นกันเลย ต่างคนต่างอยู่กับกลุ่มตัวเอง นั่งคุยกัน ดื่มเบียร์กัน เอาขนมที่ซื้อมาแบ่งกันกิน ดูน่ารักดี
ไฮไลท์ของสวนนี้ อยู่ที่ต้นซากุระต้นใหญ่ต้นนี้ มีช่างภาพมารอเก็บภาพกันเยอะมาก ทั้งตอนเย็น และตอนเปิดไฟ
เดินไปเดินมา นั่งพักบ้าง จนค่ำก็กลับมาที่พัก ซื้อข้าวกล่องมานั่งทานที่ตู้นอน ชาร์ตแบตกล้องและมือถือก่อนนอน
พรุ่งนี้กะว่า เดินถ่ายภาพซากุระแถวๆ Gion Shirakawa แล้วค่อยนั่งรถเมลล์ไป Arashiyama ก่อนกลับโอซาก้าช่วงบ่ายๆ ติดตามต่อได้ที่
https://somersetmghm.blogspot.com/2020/01/kansai-hanami-2019-2.html
No comments:
Post a Comment
ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......