Sunday 3 December 2017

Kunming-Dali-Lijiang-Shangrila (4)

วันที่3 (6/11/2017) Shangrila : The First Bend of the Yangtze River , Old Town Shangrila


ดูโพสก่อนหน้านี้

เตรียมการเดินทาง
https://somersetmghm.blogspot.com/2017/12/kunming-dali-lijiang-shangrila.html

วันแรกการเดินทาง Bangkok-Kunming
https://somersetmghm.blogspot.com/2017/12/kunming-dali-lijiang-shangrila-2.html

วันที่2 : Jade Dragon snow mountain , Lijiang
https://somersetmghm.blogspot.com/2017/12/kunming-dali-lijiang-shangrila-3.html

วันนี้เป็นวันที่3 ของการเดินทาง วันนี้พวกเราจะเดินทางไป Shangrila

แชงกรี-ลา ( Shangri-La) The Lost Horizon : Shangri-La ขอบฟ้าที่เลือนหาย เป็นดินแดนสมมุติที่ปรากฏในนวนิยายเรื่อง Lost Horizon ของเจมส์ ฮิลตัน นักเขียนชาวอังกฤษ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1933 ฮิลตันพรรณนาว่าแชงกรี-ลาเป็นดินแดนลึกลับอยู่ในเทือกเขาสูงชันทอดยาว ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเทือกเขาคุนลุน ผู้เขียนจินตนาการว่าเป็น  “สวรรค์บนดิน”   เพราะเป็นดินแดนอันสงบ และอยู่บนที่สูงใกล้ขอบฟ้า  มีธรรมชาติงดงาม ดุจสวรรค์บนดิน   และผู้คนก็อยู่กันอย่างสมถะเรียบง่าย  มีอายุยืนยาว ทุกคนมีความงดงามทางจิตวิญญาณ ต่างก็ปล่อยวางแล้วซึ่ง รัก โลภ  โกรธ หลง

 ที่จริง Shangrila เมืองนี้  ชาวจีนออกเสียงว่า เซียง เกอ หลี ลา  (xiang Ge Le La) ชื่อเมืองเพราะ ๆ ชื่อนี้  เดิมคือเมือง “จงเตี้ยน” (Zhongdian) เป็นเมืองเอกของแคว้นตี๋ชิ่ง (Diging) อยู่ห่างจากลี่เจียง 200 กิโลเมตร เป็นชุมชนเก่าของชาวทิเบต ชาวบ้านเรียกเกลทัง แต่การท่องเที่ยวของจีนอุปโลกให้แชงกรีล่าเป็น “สวรรค์แห่งสุดท้ายบนพื้นพิภพ” ตามนวนิยายขายดีในปี 1933 “The Lost Horizon” ด้วยเห็นว่าสภาพภูมิศาสตร์ของที่นี่คล้ายเมืองลับแลที่มีการบรรยายไว้






 เอาเป็นว่า จะเป็น Zhongdian หรือ Shangrila วันนี้เราจะได้ไปเหยียบที่นั่น เพื่อพิสูจน์กันว่า ที่นั่นจะเป็นสวรรค์บนดิน จริงหรือไม่

เช้าวันนี้หลังอาหารเช้าในโรงแรม เราก็เก็บกระเป๋าออกเดินทางในเวลา 9.00 น.  เป้าหมายคือ Shangrila แต่ระหว่างทางเราอยากให้แวะดู โค้งแรกของแม่น้ำแยงซีเกียง  และ ช่องเขาเสือกระโดด กันก่อน

รถบัสของพี่น้องตระกูลไป๋ มารับพวกเราตรงเวลาดีมาก รถมุ่งหน้าขึ้นเหนือ เลียบขนานทิวเขาหิมะมังกรหยกทางด้านทิศตะวันตกของทิวเขา วิว 2 ข้างทางช่างสวยงามยิ่งนัก








จุดแรกที่พี่น้องตระกูลไป๋ แวะให้เราคือจุดชมวิว Yangtze River Bay Lookout จุดนี้เป็นจุดชมวิวแม่น้ำแยงซีเกียง และร้านขายของที่ระลึก รวมทั้งห้องน้ำด้วย สำหรับประเทศอื่นการบอกว่ามีห้องน้ำอาจดูธรรมดา แต่ที่เมืองจีนโดยเฉพาะชนบท การบอกว่ามีห้องน้ำหรือจุดเข้าห้องน้ำ มันคือสวรรค์ของการปลดปล่อยทุกข์ทีเดียว เราก็ได้แต่หวังว่าอย่าเป็นห้องน้ำแบบราง ที่ต้องนั่งถ่ายพร้อมมองลงไปในรางที่มีของเสียคนอื่นก่อนเราปล่อยทุกข์ไว้เลย









จากจุดนี้ เราบอกให้พี่น้องตระกูลไป๋ พาเราไปดูโค้งแรกของแม่น้ำแยงซีเกียง ซึ่งสร้างความงุนงงให้กับคนขับรถของเราอย่างมาก เพราะเค้าไม่รู้จัก เราก็งงว่าจุดนี้เป็นจุดที่ระบุไว้ในแผนนำเที่ยวว่าควรจะต้องมา แต่ในที่สุดทั้ง 2 คน ก็พาพวกเรามาถึงจนได้  และเราก็พบว่าจุดนี้เป็นแค่ริมฝั่งแม่น้ำธรรมดา มองไม่เห็นโค้งแรก ซึ่งเป็นไปได้ว่าต้องขับรถขึ้นเนินไปอีก  แต่เราก็ไม่รู้จะสื่อสารกับคนขับรถของเราได้อย่างไร และ ทั้ง 2 คน ก็ดูจะไม่พยายามที่จะหาให้

โค้งแรกแม่น้ำแยงซีเกียง (First Bend of the Yangtze River)
แม่น้ำแยงซีเกียง เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำของประเทศจีน เป็นลำน้ำสายใหญ่ที่ไหลลงสู่ตอนกลางของประเทศจีน เป็นหนึ่ง 3 ที่ยาวที่สุดในโลก เริ่มจากที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต กระแสคลื่นแรงของแม่น้ำแยงซีเกียงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จนไปบรรจบที่ช่องเขาเหิงต้วน ซึ่งอยู่ห่างเมืองลี่เจียงประมาณ 44 ไมล์ นับเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่ไม่ปกติ เป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดโค้งเป็นรูป ตัว V และ ไหลไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ นี่เป็นการหมุนกลับที่ผิดแผกจากธรรมชาติ ในพิเศษของภูมิประเทศดังกล่าวทำให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงาม อย่างเช่น แม่น้ำกว้างและ ไหลเอื่อย ต้นวิวโลว์ ขึ้นสองข้างฝั่งแม่น้ำ ทำให้ทั้งสองฝั่งแม่น้ำ เขียวชอุ่ม พืชผลอุดมสมบูรณ์ เขาสูงชั้น ที่ผุดขึ้น และแตะขอบฟ้า ทำให้ภาพรวมของภูมประเทศแห่งนี้ดูน่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก นี้คือโค้งแรกของแม่น้ำแยงซีเกียง ภูมิประเทศที่แปลกประหลาดที่มีชื่อเสียงของโลก





แต่ถึงแม้จะไม่ได้เห็นโค้งแรกของแม่น้ำมุมสูงอย่างที่หวัง แต่เราก็ชดเชยด้วยวิวของภูเขาหิมะในเส้นทางรถมาทดแทนอย่างไม่เสียเวลาเปล่า




และหลังจากเห็นสภาพของแม่น้ำแยงซีเกียงแล้ว พวกเราก็ปรึกษากันว่า ช่องเขาเสือกระโจน ก็คงมีสภาพไม่ดีกว่าที่เห็นอยู่ แค่น้ำอาจดูไหลแรงเชี่ยวกว่า นอกจากจะเสียเวลาเพราะต้องแยกจากทางหลักเข้าไปไกลแล้ว เราต้องเดินลงบันใดสูงลงไปริมตลิ่งด้วย อาจทำให้เราถึงแชงกรีล่าค่ำมากก็ได้  ในที่สุดทุกคนก็มีมติว่าข้ามไปตัดเวลามุ่งหน้าไป   แชงกรีล่าเลยดีกว่า และหวังว่าเราจะได้เวลาชดเชยให้สามารถแวะถ่ายวิวสวยๆข้างทางแทน

หลังจากแวะทานอาหารกลางวันข้างทาง ตรงทางเข้าช่องเขาเสือกระโจน ซึ่งจะมีอาหารสด ผักและเนื้อ วางหน้าร้านแบบอาหารตามสั่งบ้านเรา ให้เราเลือกของสดและสั่งให้ร้านทำ แต่เราก็ไม่รู้จะสื่อสารกันอย่างไรให้เค้ารู้ว่าเราอยากทานอะไร นึกได้ว่า ได้พิมพ์ภาพอาหารยูนานติดมาเผื่อคุยกันไม่รู้เรื่อง พอเอารูปให้ดู พ่อครัวร้องฮ่อ มื้อนี้พวกเราเลยได้ทานอาหารอร่อยแบบเต็มอิ่มจัดเต็มโต๊ะอีกมื้อ






จากร้านอาหารเราต้องเดินทางต่ออีกประมาณ 90 กว่า กม. เนื่องจากรถต้องไต่ขึ้นทางสูงและเลียบไปตามไหล่เขาพร้อมวิวทิวทัศน์ข้างทางที่สวยงาม จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. คงเดินทางถึงแชงกรีล่าเย็นๆ

แต่เราก็ขอคนขับรถให้จอดแวะให้เราเก็บภาพวิวสวยๆริมทางด้วย














ประมาณสี่โมงเย็น เราก็เดินทางเข้าเขตตัวเมือง Zhongdian





 วันนี้เราเลือกพักที่ Home away from home ราคาไม่แพง และอยู่ใกล้เมืองเก่าด้วย หลังจากเก็บกระเป๋าเข้าที่พักเรียบร้อย ก็พากันมาเดินย่านเมืองเก่ากัน นอกจากจะเก็บภาพเมืองเก่าแล้ว ยังพบว่าในเมืองเก่ามีร้านขายเครื่องกันหนาวราคาถูกมาก ทำให้เรายอมเสียเวลาแวะช้อปเสื้อกันหนาว กางเกง กันคนละหลายๆตัว









แต่ก็ไม่ลืมเก็บภาพแสงสวยๆจากไฟประดับของวัดต้าฝอไว้ด้วย  กว่าเราจะเริ่มหิวและทานข้าวเย็นกันก็ปาเข้าไป สามทุ่มกว่าๆแล้ว มื้อนี้เป็นหม้อไฟเนื้อจามรีตามแบบยูนานของที่นี่ แต่ปริมาณเนื้อหม้อไฟเยอะมากทานกันยังไงก็ไม่หมด











 ทานข้าวกันเสร็จ เราก็เดินโต้ลมหนาวที่หนาวมากๆ อุณหภูมิลดลงเหลือ 4 องศา ขนาดใส่เสื้อกันหนาวกันแล้วยังหนาวยะเยือกเลย

พรุ่งนี้เรายังพักที่แชงกรีล่าอีก 1 คืน  พรุ่งนี้เราจะไปภูเขาหิมะเสือข่า Shika snow mountain  ติดตามชมกันได้ที่นี่
http://somersetmghm.blogspot.com/2017/12/kunming-dali-lijiang-shangrila-5.html



No comments:

Post a Comment

ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......