Nagano จังหวัดนากาโน่ ตั้งอยู่เกือบใจกลางของประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากทั้ง 4ทิศถูกห้อมล้อมด้วยภูเขา สูงถึง 3,000 เมตร จำนวนมากมาย จึงถูกขนานนามว่าเป็น “หลังคาของประเทศญี่ปุ่น“
เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคและพาราลิมปิคฤดูหนาวในปี 1998 และยังมีเมือง “ฮะกุบะ”, “ที่ราบสูงชิง่ะ” และบ่อน้ำร้อนโนซาว่าที่โดดเด่นในฐานะเป็นสโนว์รีสอร์ทชั้นนำของญี่ปุนที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนเป็นจำนวนมากทุกปี
นอกจากนั้นการเดินทางจากเมืองหลัก เช่น โตเกียว , นาโกย่า , เกียวโตเพื่อเข้ามาท่องเที่ยวก็สะดวก ไม่ไกลจากภูเขาฟูจิ,ทาคายาม่า, เส้นทางเลียบเขาแอลป์ทาเตยาม่าคุโรเบะอันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าภาคภูมิใจของญี่ปุ่นด้วย
จุดแรกที่จะไปคือ ลิงออนเซน ติดใจจากภาพโฆษณาลิงหน้าแดง นอนแช่น้ำร้อนสบายใจท่ามกลางหิมะรอบด้าน ทำให้เราต้องดั้นด้นมาดูให้ได้
(ภาพนี้ถ่ายจากโปสเตอร์ข้างทาง)
สวนลิงจิโกคุดานิ(Jigokudani Monkey Park) ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาจิโกคุดานิ(Jigokudani valley) ในยามาโนอูจิ(Yamanouchi) ไม่ไกลจาก Shibu Onsen และ Yudanaka Onsen เท่าไรนัก เป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ลิงป่าลงมาอาบน้ำ และเป็นที่อยู่อาศัยของลิงหิมะชนิดนี้อีกด้วย
ภายในพื้นที่สวนสาธารณะ มีสระว่ายน้ำที่สร้างขึ้นสำหรับเจ้าลิงทั้งหลาย ซึ่งจากประตูทางเข้าสวนเดินเข้าไปเพียง 5 นาที นักท่องเที่ยวจะพบเห็นลิงตลอดเส้นทางที่ไปยังสระน้ำ โดยพวกมันจะจับกลุ่มกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ มีความคุ้นเคยกับมนุษย์ แต่อย่างไรก็ตามห้ามเข้าไปจับหรือให้อาหารโดยเด็ดขาด
บริเวณลานจอดรถเป็นที่ตั้งของศูนย์ข้อมูลเล็กๆ (ข้อมูลส่วนใหญ่เป็นภาษาญี่ปุ่น) แต่ก็ยังมีส่วนที่เป็นภาษาอังกฤษอธิบายเล็กน้อย และสามารถดูผ่านกล้องที่ตั้งอยู่ข้างๆสระน้ำเพื่อสังเกตพฤติกรรมของลิงได้ด้วย
ด้านบนคือข้อมูลที่สืบค้นบนอินเตอร์เน็ท เราจอดรถที่ลานจอดรถและเดินเลียบเชิงเขาเข้าไปประมาณ 1.7 กม. จากเริ่มเดินหนาวๆเดินไปเหงื่อเริ่มซึมแม้จะเห็นหิมะริมทางเดินก็ตาม
เส้นทางเดินเท้าเลาะเลียบริมเขา ร่มรื่นด้วยร่มเงาของต้นไม้
น่าเสียดายที่ช่วงเวลาที่เดินทางเข้าไปนี้ ปกติหิมะจะตกหนาแน่นและลิงก็จะออกมาเล่นน้ำที่บ่อน้ำร้อน แต่ปีนี้อากาศแปรปรวนอย่างหนัก หนาว 1 วัน อุ่น 2 วัน สลับกัน หิมะเลยมีนิดหน่อยติดๆยอดหญ้า ไม่หนาวพอที่จะจูงใจให้ลิงมานอนแช่น้ำร้อน
แต่คนที่ดูแลบ่อน้ำร้อนก็ยังมีวิธีเรียกลิงป่า ให้เข้ามาโดยการนำอาหารมาล่อ
ลิงก็เดินไปเดินมา ไม่ยอมลงเล่นน้ำ อย่างมากก็แค่ลงไปกินน้ำเท่านั้น
เวลาเรามีน้อย ไม่สามารถนั่งเฝ้ารอลิงลงเล่นน้ำ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น ปีหน้าฟ้าใหม่มีโอกาสคงได้ไปเยี่ยมชมลิงน้อยกันใหม่
จากสวนลิง เราตั้งใจจะไปเที่ยวสกีรีสอร์ท แต่ทางไกด์บอกว่าหิมะปีนี้ยังไม่มากพอ จึงของดการไปสกีรีสอร์ทที่ Hakuba
ระหว่างเดินทางเข้าที่พัก จึงให้คณะเราแวะชมสวนที่จัดไฟประดับ ชมสวนไฟประดับแทน ก็พอดูได้ แต่เสียดายเงินค่าเข้า ถ้าเข้าขมฟรีคงดีกว่า
พอหอมปากหอมคอ ก็เดินทางกันต่อเข้าที่พักที่ Hotel Keisui (ニュー河内屋) เป็นเรียวกังแบบไฮโซพอสมควร ห้องนอนเป็นแบบญี่ปุ่นดั่งเดิม และมีห้องอาบน้ำแบบออนเซนอยู่ภายในตัวโรงแรมด้วย
บุปเฟ่ต์มื้อค่ำแบบญี่ปุ้น ญี่ปุ่น
เสร็จมื้อค่ำ ใครใคร่อยากแช่ออนเซ็นก็ไปลงบ่อ ใครใคร่นอนก็นอน
เช้านี้ เราได้มีเวลาเดินชมบริเวณรอบๆโรงแรม
ออกจากโรงแรม คณะเรามุ่งหน้าเข้าโตเกียว แวะทานอาหารกลางวันที่เมือง Karuisawa
เมืองคิว คารุอิซาว่า(Kyu-Karuizawa) เป็นเมืองหลักในอดีตที่ตั้งอยู่บนสายนากะเซนโดะ(Nakasendo Route) ซึ่งเชื่อมต่อเมืองเกียวโตกับเมืองหลวงเอโดะ(ปัจจุบันโตเกียว) ปัจจุบันกลายเป็นศูนย์กลางของพื้นที่คารุอิซาว่ารีสอร์ท เป็นเมืองที่คนในโตเกียวนิยมมาพักผ่อนตากอากาศ เพราะอากาศที่นี่สะอาดและเย็นกว่าที่โตเกียวประมาณ 5 องศา
เมืองแห่งนี้มีบรรยากาศรื่นรมย์ เต็มไปด้วยร้านอาหารและร้านกาแฟที่เก๋ไก๋ผสมผสานกับธรรมชาติของป่า แหล่งช้อปปิ้งที่น่าสนใจ ได้แก่ พริ๊นซ์ช้อปปิ้งพลาซ่า(Prince Shopping Plaza) และคิว คารุอิซาว่ากินซ่า(Kyu-Karuizawa Ginza) นอกจากช้อปปิ้งแล้วยังมีกิจกรรมเพื่อผ่อนคลายอื่นๆอีก เช่น โยนโบว์ลิ่ง ตีกอล์ฟ หรือขี่จักรยานไปรอบๆเมือง
เวลาแห่งการชมเมืองไม่มี เพราะเราแวะแค่ทานข้าวเที่ยง แต่ตั้งใจว่าถ้ามีโอกาสมาอีกจะมาแวะที่นี่อีกครั้งแน่นอน
สถานที่ทานอาหาร เป็นโรงแรม Mampei Hotel โรงแรมเก่าที่มาอายุกว่า 120 ปี เป็นสถานที่นักการเมือง รัฐมนตรี และ ดาราผู้มีชื่อเสียงนิยมมาพักที่นี่ โดยเฉพาะ จอห์น เลนนอน เมื่อตอนมีชีวิตอยู่ เวลามาญี่ปุ่นเพราะมีภรรยาเป็นคนญี่ปุ่น ก็มักจะมาพักที่นี่เป็นประจำ วันนี้ได้มีโอกาสทานอาหารหรูมื้อกลางวัน สไตล์ยุโรป
เมนูอาหารกลางวัน
ปิดท้ายด้วย แอปเปิ้ลสตูเดิ้ลแสนอร่อย แต่ถ้าใครเคยได้ทานร้านต้นตำหรับที่เวียนนามาก่อนแล้ว ที่นี่ยังห่างชั้นอยู่นิดหน่อย
จากนั้นเป็นรายการแถม จากการพลาดหิมะที่ Hakuba เราก็ได้น้ำตกเส้นด้าย มาแทนที่
น้ำตกเส้นด้าย หรือ shiraito falls ( 白糸の滝 ) อยู่ทางเหนือของเมือง Karuisawa สามารถเดินทางโดยรถบัสจากสถานี Karuisawa มาประมาณ 25 นาที ( หรือจาก Usui-Karuisawa (碓氷軽井沢) นั่งรถบัสสาย IC ประมาณ 22 กิโลเมตร / 50 นาที ) และเดินเข้าไปนิดหน่อยไม่ลึก เป็นน้ำตกที่ไม่สูงนักคือสูงเพียง 3 เมตร แต่แผ่กว้างถึง 70 เมตร น้ำที่ตกลงมาจะมีลักษณะเป็นเส้นเล็กๆสีขาว หลายร้อยเส้น จึงเป็นที่มาของชื่อน้ำตกเส้นด้ายนั่นเอง
ตื่นตากับหิมะ มากกว่าจะตื่นตากับน้ำตก เพราะบ้านเรามีน้ำตกที่สวยกว่าหลายเท่านัก จึงชื่นชมหิมะกับวิวสวยแปลกตากันมากกว่า
ขากลับเข้าโตเกียว เราเปลี่ยนมาขึ้นรถไฟชินคันเซนสาย Hokuriku-Shinkansen ที่สถานี Karuisawa ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. 14 นาที
ช่างโชคดีที่ได้ยลโฉมงามของฟูจิ อีกครั้ง
ก็ขอจบบันทึกเมือง Nagano แต่เพียงเท่านี้ ที่จริงอีกจุดหนึ่งของเมืองนี้ที่เคยไปมาแล้วครั้งก่อน คือ เมือง Matsumoto ซึ่งเราใช้เป็นทางผ่านจากเมือง Takayama เพื่อไปชมภูเขาไฟฟูจิ ที่เมือง Kawagujiko แต่เราก็ใช้เส้นทางผ่านอย่างคุ้มค่า ด้วยการแวะชมความงามของ ภูเขาแอลป์ญี่ปุ่น ที่ Kamokochi และ ชมปราสาทอีกาดำ หรือ ปราสาทมัตสุโมโต้ ( http://somersetmghm.blogspot.com/2015/12/japan-in-memories-oct-2015-day-6-7.html ) คุ้มเกินคุ้่มเลยกับเมืองนี้
No comments:
Post a Comment
ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......