Kathmandu
14-23 Nov 2025
ทริปนี้เป็นครั้งที่5 นั่นสิ ไปทำไมหลายครั้ง มีอะไรดี
ข้อแรก เนปาลเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณ มีศิลปะวัฒนธรรมที่คลาสิค ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกมากมายหลายแห่ง
ข้อ2 นอกจากวัฒนธรรมแล้ว ธรรมชาติของเนปาลเนื่องจากอยู่เชิงเขาหิมาลัย จึงเป็นจุดสำคัญสำหรับการไปเดินเทรคกิ้งชมธรรมชาต รวมถึงการพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ ด้วย
ข้อ3 คนที่นี่อัธยาศัยดีงาม ขอถ่ายรูปก็ไม่ขัดยอมให้ถ่ายแต่โดยดี การแต่งกายสีสันน่าเก็บภาพมาก ที่สำคัญคนที่นี่ชอบนั่งตากแดด ทั้งๆที่แดดแรงมากพวกเราทั้งทากันแดด ทั้งสวมหมวก ยังหน้าดำกันเป็นแถบ แต่คนที่นี่นั่งตากแดดสบายอารมณ์มาก ก็เสร็จพวกเราสิ เล่นเอาหิวแสงถ่ายกันไม่ยั้ง
ข้อสุดท้าย ที่นี่เป็นแหล่งเสื้อผ้าประเภทแอดเวนเจอร์ราคาถูก ก๊อปเกรดดี ราคาแสนถูกอยู่ที่การต่อรองของแต่ละคน และส่วนใหญ่คนขายก็ไม่ว่าอะไร ต่อได้จะให้หรือไม่อีกทีนึง พวกเราเที่ยวต่อกันจนคนขายใจอ่อนยอมขายให้ก็มี
ถ้าไม่ตายซะก่อน คงมีครั้งที่ 6-7-8
สำหรับทริปนี้ พวกเราออกเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย ออกเดินทางแต่เช้า ประมาณบ่ายๆก็เดินทางถึง ช่วงที่เข้าเขตเนปาล ก็มีการลุ้นมองยอดเขาเอเวอเรสต์กัน จะดีต้องนั่งด้านขวาของเครื่อง แต่ก็โชคดีที่สนามบินแออัด เครื่องบินต้องบินวนเพื่อรอลงจอด ช่วงวนรอบทำให้พวกเราได้ลุ้นกัน ทัศนวิสัยดีพอสมควร
เดินทางถึงแล้ว ก็มาเข้าแถวยื่น Visa on Arrival ที่เรากรอกออนไลน์มาแล้ว แค่พิมพ์เอกสารยื่นให้เค้าดู และชำระค่าวีซ่าก็เรียบร้อย ถ้าไม่ได้กรอกออกไลน์ ก็ต้องมายืนกรอกเอกสารด้วยลายมือ ใช้เวลาผ่าน ตม. นานพอควร
ทริปนี้พวกเราจ้างไกด์ท้องถิ่น ที่เคยใช้บริการครั้งก่อนๆ คือ สวัสดีเนปาล ไกด์ชื่อนาบิน ก็มีการต้อนรับด้วยพวงมาลัยดอกดาวเรืองให้กับทุกคน และพาขึ้นรถตู้ การจารจรหนาแน่นมาก เพราะกว่าเราจะผ่านด่าน ตม. ออกมาก็เย็นแล้ว ชนกับเวลาเลิกงานเลิกเรียนพอดี
พวกเราจะพักที่โรงแรมใน ทาเมล กัน 4 คืน และเดินทางไป โภครา อีก 4 คืน และกลับมาพักที่ ทาเมลอีก 2 คืน ก่อนกลับ
หลังจากวางกระเป๋าเข้าห้องกันเรียบร้อย ประเดิมจุดแรกกันเลยที่ สถูปสวะยัมภูนาถ (Swayambhunath Stupa) หรือวัดลิง เพราะที่นี่ลิงเยอะมาก เยอะจริงๆ และค่อนข้างดุ ห้ามเดินเข้าใกล้เลย สัญลักษณ์รูปตาเพื่อให้ระลึกสิ่งต่างๆ ที่ตนเองได้กระทำและหยุดเพื่อดูตนเอง ดวงตาเเห่งธรรมของพระพุทธเจ้า และในอีกความหมายหนึ่ง คือ ดวงตาแห่งปัญญาทั้งสี่ทิศ หมายถึง พระพุทธเจ้าดูแลทุกข์ สุข และ บันทึกการกระทำ ดี ชั่ว ของมนุษย์ทั้งสี่ทิศ ส่วน อุนาโลม (จุดกลางหน้าผาก) หมายถึง หนึ่ง หรือ เอกะ หมายถึง พุทธศาสนารวมใจเป็นหนึ่งเดียว
กว่าจะฝ่ารถติดเข้ามาถึงวัดก็เย็นมาก แสงไม่มีมืดแล้ว จะถ่ายเมืองเพราะวัดนี้อยู่บนเนินเขา แสงไฟจากบ้านเรือนก็กระดำกระด่างไม่สวย ดีว่าวัดเปิดไฟกลางคืน
ออกจากวัดกลับเข้าโรงแรม ระหว่างทางเห็นมีการจุดไฟตะเกียงดวงน้อยมีคนเยอะ เลยหยุดรถลงไปถ่าย ถ่ายกันจนเสร็จก็ไม่รู้ว่าเค้ามีอะไรกัน น่าจะเป็นการบูชาเทพที่เราจะพบรายทางเยอะมาก
วันที่2 ของทริป วันนี้ นาบิน จะพาพวกเราไปขึ้นกระเช้าเพื่อไปชมวิว กาฐมาณฑุ ทั้งเมืองจากบนยอดเขา แต่คราวเคราะห์ เค้าปิดซ่อมกระเช้าซะนี่ ก็เลยเก็บภาพวิว ภาพคนกันเล็กน้อย ก็ไปต่อกันที่หมู่บ้าน กีรติปูร์
กีรติปุระตั้งอยู่บนสันเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ของกาฐมาณฑุ 8 กม. Kirtipur เมืองดั้งเดิมของชาวเนวารีที่ยังคงธรรมเนียมประเพณีที่เก่าแก่ไว้อย่างเหนียวแน่น เสน่ห์ของที่นี่คือ บ้านเรือนที่สร้างจากอิฐแดง
หนึ่งในสถานที่สำคัญคือบาฆไภรพมนเทียร (Kirtipur Bagh Bhairab Temple) ซึ่งเป็นมนเทียรพระไภรวะในอวตารรูปเสือดุร้าย เชื่อกันว่าพระไภรวะเป็นเทพผู้คุ้มครองกีรติปุระ
ที่ต่อไปคือเมืองลลิตปูร์ จุดแรกที่แวะคือ กุมารีแห่งลิลิตปูร์ (Patan) คือ ธนะ กุมารี พัชราจารยะ (Dhana Kumari Bajracharya) เทพธิดามนุษย์ที่มีชีวิตจริงของเนปาล ซึ่งเป็นตัวแทนของเทพีตาเลชุ Taleju) เธอเป็นที่รู้จักในฐานะ "เทพีที่มีลมหายใจ" ของเมืองปาฏัน (Patan/Lalitpur) แต่ก็เป็นตัวแทนของความเชื่อเก่าแก่ที่ผสมผสานระหว่างฮินดูและพุทธศาสนา โดยกุมารีจะได้รับการเคารพบูชาในฐานะเทพเจ้าจนกระทั่งมีประจำเดือนครั้งแรก ก็จะมีการคัดเลือกกุมารีคนใหม่ขึ้นมาแทนที่
น่าเสียดาย ตอนที่พวกเรามา มีแขกคนสำคัญมาเยี่ยมเยือน เค้าเลยปิดไม่ได้ให้กุมารีออกมาให้คนได้ชมโฉม ได้แต่ถ่ายรูปรอบๆมาแทน
จากนั้นก็เดินเข้าเมืองปาทัน หรือ ลลิตปูร์ เป็นเมืองมรดกโลกที่ขึ้นชื่อเรื่องงานฝีมือวิจิตรศิลป์ ศิลปะเนวารี และการผสมผผสานวัฒนธรรมฮินดู-พุทธได้อย่างลงตัว โดย "ลลิตปูร์" (แปลว่า เมืองแห่งความงาม) เป็นชื่อเรียกที่เป็นทางการและมีนัยยะทางวัฒนธรรม ส่วน "ปาทัน" เป็นชื่อที่คนทั่วไปเรียก
หลังจากซื้อบัตรผ่านเข้าเมืองลลิตปูร์ ก็เดินเข้าพิพิธภัณฑ์ ปาฏัน ซึ่งมีการรวบรวมและจัดแสดงงานศิลปะศักดิ์สิทธิ์แบบดั้งเดิมของเนปาล โดยเฉพาะศาสนาฮินดูและพุทธ ภายในมีโบราณวัตถุมากกว่า 1,100 ชิ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปฏิมากรรมทองแดงและสำริดที่มีความงดงามและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์
จากนั้นก็ไปต่อที่วัดทอง Hiranya Varna Mahavihar ตั้งอยู่ภายในควาเทฮาล (Kwabadehal) มีลักษณะเป็นเจดีย์ทอง 3 ชั้นเป็นที่ประดิษฐานของโลเกศวร (Lokeshwor) หรือองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 โดยกษัตริย์ภาสกร เวรมา (King Bhaskar Verma) ที่นี่มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นวัดทองคำ ชั้นบนของเจดีย์มีพระพุทธรูปทองคำและธรรมจักรทองคำอยู่ด้วย
วันที่3 วันนี้พวกเราจะไปที่แรกคือ ปศุปฏินาถ วัดนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบักมาติศักดิ์สิทธิ์ ถือกันว่าเป็นต้นแม่น้ำคงคา คนที่ตายจะนำมาล้างบาปทั้งปวง และทำการเผาที่ริมแม่น้ำเพื่อลอยอังคารไปกับแม่น้ำ วัดนี้เป็นวัดของพระศิวะ คนที่ใกล้ตายจะถูกหามมาไว้ที่วัดนี้เพื่อรอวันตาย และทำพิธีศักดิ์สิทธิ์




























































































































































































































No comments:
Post a Comment
ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......