Wednesday, 24 December 2025

Nepal : Kathmandu - Pokhara #1

 Kathmandu

14-23 Nov 2025


ทริปนี้เป็นครั้งที่5 นั่นสิ ไปทำไมหลายครั้ง มีอะไรดี

ข้อแรก เนปาลเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณ มีศิลปะวัฒนธรรมที่คลาสิค ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกมากมายหลายแห่ง 



ข้อ2 นอกจากวัฒนธรรมแล้ว ธรรมชาติของเนปาลเนื่องจากอยู่เชิงเขาหิมาลัย จึงเป็นจุดสำคัญสำหรับการไปเดินเทรคกิ้งชมธรรมชาต รวมถึงการพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ ด้วย 



ข้อ3 คนที่นี่อัธยาศัยดีงาม ขอถ่ายรูปก็ไม่ขัดยอมให้ถ่ายแต่โดยดี การแต่งกายสีสันน่าเก็บภาพมาก ที่สำคัญคนที่นี่ชอบนั่งตากแดด ทั้งๆที่แดดแรงมากพวกเราทั้งทากันแดด ทั้งสวมหมวก ยังหน้าดำกันเป็นแถบ แต่คนที่นี่นั่งตากแดดสบายอารมณ์มาก ก็เสร็จพวกเราสิ เล่นเอาหิวแสงถ่ายกันไม่ยั้ง



ข้อสุดท้าย ที่นี่เป็นแหล่งเสื้อผ้าประเภทแอดเวนเจอร์ราคาถูก ก๊อปเกรดดี ราคาแสนถูกอยู่ที่การต่อรองของแต่ละคน และส่วนใหญ่คนขายก็ไม่ว่าอะไร ต่อได้จะให้หรือไม่อีกทีนึง พวกเราเที่ยวต่อกันจนคนขายใจอ่อนยอมขายให้ก็มี


ถ้าไม่ตายซะก่อน คงมีครั้งที่ 6-7-8 

สำหรับทริปนี้ พวกเราออกเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย ออกเดินทางแต่เช้า ประมาณบ่ายๆก็เดินทางถึง ช่วงที่เข้าเขตเนปาล ก็มีการลุ้นมองยอดเขาเอเวอเรสต์กัน จะดีต้องนั่งด้านขวาของเครื่อง แต่ก็โชคดีที่สนามบินแออัด เครื่องบินต้องบินวนเพื่อรอลงจอด ช่วงวนรอบทำให้พวกเราได้ลุ้นกัน ทัศนวิสัยดีพอสมควร 


 






เดินทางถึงแล้ว ก็มาเข้าแถวยื่น Visa on Arrival ที่เรากรอกออนไลน์มาแล้ว แค่พิมพ์เอกสารยื่นให้เค้าดู และชำระค่าวีซ่าก็เรียบร้อย ถ้าไม่ได้กรอกออกไลน์ ก็ต้องมายืนกรอกเอกสารด้วยลายมือ ใช้เวลาผ่าน ตม. นานพอควร 


ทริปนี้พวกเราจ้างไกด์ท้องถิ่น ที่เคยใช้บริการครั้งก่อนๆ คือ สวัสดีเนปาล ไกด์ชื่อนาบิน ก็มีการต้อนรับด้วยพวงมาลัยดอกดาวเรืองให้กับทุกคน และพาขึ้นรถตู้ การจารจรหนาแน่นมาก เพราะกว่าเราจะผ่านด่าน ตม. ออกมาก็เย็นแล้ว ชนกับเวลาเลิกงานเลิกเรียนพอดี 




พวกเราจะพักที่โรงแรมใน ทาเมล กัน 4 คืน และเดินทางไป โภครา อีก 4 คืน และกลับมาพักที่ ทาเมลอีก 2 คืน ก่อนกลับ 

หลังจากวางกระเป๋าเข้าห้องกันเรียบร้อย ประเดิมจุดแรกกันเลยที่ สถูปสวะยัมภูนาถ (Swayambhunath Stupa) หรือวัดลิง เพราะที่นี่ลิงเยอะมาก เยอะจริงๆ และค่อนข้างดุ ห้ามเดินเข้าใกล้เลย  สัญลักษณ์รูปตาเพื่อให้ระลึกสิ่งต่างๆ ที่ตนเองได้กระทำและหยุดเพื่อดูตนเอง ดวงตาเเห่งธรรมของพระพุทธเจ้า และในอีกความหมายหนึ่ง คือ ดวงตาแห่งปัญญาทั้งสี่ทิศ หมายถึง พระพุทธเจ้าดูแลทุกข์ สุข และ บันทึกการกระทำ ดี ชั่ว ของมนุษย์ทั้งสี่ทิศ ส่วน อุนาโลม (จุดกลางหน้าผาก) หมายถึง หนึ่ง หรือ เอกะ หมายถึง พุทธศาสนารวมใจเป็นหนึ่งเดียว 

กว่าจะฝ่ารถติดเข้ามาถึงวัดก็เย็นมาก แสงไม่มีมืดแล้ว จะถ่ายเมืองเพราะวัดนี้อยู่บนเนินเขา แสงไฟจากบ้านเรือนก็กระดำกระด่างไม่สวย ดีว่าวัดเปิดไฟกลางคืน 


 


 

 

 


ออกจากวัดกลับเข้าโรงแรม ระหว่างทางเห็นมีการจุดไฟตะเกียงดวงน้อยมีคนเยอะ เลยหยุดรถลงไปถ่าย ถ่ายกันจนเสร็จก็ไม่รู้ว่าเค้ามีอะไรกัน น่าจะเป็นการบูชาเทพที่เราจะพบรายทางเยอะมาก





วันที่2 ของทริป วันนี้ นาบิน จะพาพวกเราไปขึ้นกระเช้าเพื่อไปชมวิว กาฐมาณฑุ ทั้งเมืองจากบนยอดเขา แต่คราวเคราะห์ เค้าปิดซ่อมกระเช้าซะนี่ ก็เลยเก็บภาพวิว ภาพคนกันเล็กน้อย ก็ไปต่อกันที่หมู่บ้าน กีรติปูร์






กีรติปุระตั้งอยู่บนสันเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ของกาฐมาณฑุ 8 กม. Kirtipur  เมืองดั้งเดิมของชาวเนวารีที่ยังคงธรรมเนียมประเพณีที่เก่าแก่ไว้อย่างเหนียวแน่น เสน่ห์ของที่นี่คือ บ้านเรือนที่สร้างจากอิฐแดง 


 








 

หนึ่งในสถานที่สำคัญคือบาฆไภรพมนเทียร (Kirtipur Bagh Bhairab Temple)  ซึ่งเป็นมนเทียรพระไภรวะในอวตารรูปเสือดุร้าย เชื่อกันว่าพระไภรวะเป็นเทพผู้คุ้มครองกีรติปุระ


 

 

 




 


ที่ต่อไปคือเมืองลลิตปูร์ จุดแรกที่แวะคือ กุมารีแห่งลิลิตปูร์   (Patan) คือ ธนะ กุมารี พัชราจารยะ (Dhana Kumari Bajracharya) เทพธิดามนุษย์ที่มีชีวิตจริงของเนปาล ซึ่งเป็นตัวแทนของเทพีตาเลชุ Taleju)  เธอเป็นที่รู้จักในฐานะ "เทพีที่มีลมหายใจ" ของเมืองปาฏัน (Patan/Lalitpur) แต่ก็เป็นตัวแทนของความเชื่อเก่าแก่ที่ผสมผสานระหว่างฮินดูและพุทธศาสนา โดยกุมารีจะได้รับการเคารพบูชาในฐานะเทพเจ้าจนกระทั่งมีประจำเดือนครั้งแรก ก็จะมีการคัดเลือกกุมารีคนใหม่ขึ้นมาแทนที่

น่าเสียดาย ตอนที่พวกเรามา มีแขกคนสำคัญมาเยี่ยมเยือน เค้าเลยปิดไม่ได้ให้กุมารีออกมาให้คนได้ชมโฉม ได้แต่ถ่ายรูปรอบๆมาแทน

 

 


จากนั้นก็เดินเข้าเมืองปาทัน หรือ ลลิตปูร์ เป็นเมืองมรดกโลกที่ขึ้นชื่อเรื่องงานฝีมือวิจิตรศิลป์ ศิลปะเนวารี และการผสมผผสานวัฒนธรรมฮินดู-พุทธได้อย่างลงตัว โดย "ลลิตปูร์" (แปลว่า เมืองแห่งความงาม) เป็นชื่อเรียกที่เป็นทางการและมีนัยยะทางวัฒนธรรม ส่วน "ปาทัน" เป็นชื่อที่คนทั่วไปเรียก 





หลังจากซื้อบัตรผ่านเข้าเมืองลลิตปูร์ ก็เดินเข้าพิพิธภัณฑ์ ปาฏัน ซึ่งมีการรวบรวมและจัดแสดงงานศิลปะศักดิ์สิทธิ์แบบดั้งเดิมของเนปาล โดยเฉพาะศาสนาฮินดูและพุทธ ภายในมีโบราณวัตถุมากกว่า 1,100 ชิ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปฏิมากรรมทองแดงและสำริดที่มีความงดงามและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ 









จากนั้นก็ไปต่อที่วัดทอง Hiranya Varna Mahavihar ตั้งอยู่ภายในควาเทฮาล (Kwabadehal) มีลักษณะเป็นเจดีย์ทอง 3 ชั้นเป็นที่ประดิษฐานของโลเกศวร (Lokeshwor) หรือองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 โดยกษัตริย์ภาสกร เวรมา (King Bhaskar Verma) ที่นี่มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นวัดทองคำ ชั้นบนของเจดีย์มีพระพุทธรูปทองคำและธรรมจักรทองคำอยู่ด้วย



 

 

 


และเดินชมตลาดร้านค้ารอบๆ จตุรัสดูรบาร์สแควร์










วันที่3 วันนี้พวกเราจะไปที่แรกคือ ปศุปฏินาถ วัดนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบักมาติศักดิ์สิทธิ์ ถือกันว่าเป็นต้นแม่น้ำคงคา คนที่ตายจะนำมาล้างบาปทั้งปวง และทำการเผาที่ริมแม่น้ำเพื่อลอยอังคารไปกับแม่น้ำ วัดนี้เป็นวัดของพระศิวะ คนที่ใกล้ตายจะถูกหามมาไว้ที่วัดนี้เพื่อรอวันตาย และทำพิธีศักดิ์สิทธิ์









 





ฝั่งโน้นก็ทำพิธีเผาศพกันไป ฝั่งนี้ก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างศาสนาที่เฝ้าดู และเหล่าโยคี(ปลอม) ที่คร่ำเคร่งบำเพ็ญญาณ หากมีใครไปถ่ายภาพก็ต้องเสียเงินคนละ 1 ดอลล่าร์ให้กับโยคีไป

 



 




จากนั้นไปต่อที่ สถูปโพธนาถ  เจดีย์ทรงกลมที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล ตั้งอยู่ใกล้กรุงกาฐมาณฑุ เป็น มรดกโลกของ ยูเนสโก โดดเด่นด้วยดวงตาเห็นธรรมของพระพุทธเจ้า 4 ทิศ และธงมนตรา 5 สีที่โบกสะบัดตามลม ที่นี่เป็นศูนย์กลางของชาวพุทธมหายานทิเบต มีผู้คนสวดมนต์และหมุน กงล้อมนต์ตลอดเวลา สะท้อนวัฒนธรรมพุทธแบบ วัชรยานที่เข้มแข็ง.  

ดวงตาเห็นธรรม (Wisdom Eyes): ดวงตาของพระพุทธเจ้าที่เพ้นท์ไว้ทั้ง 4 ทิศบนองค์เจดีย์ เปรียบเหมือนการมองเห็นและดูแลทุกข์สุขของมวลมนุษย์.

ธงมนตรา (Prayer Flags): ธงสีสันสดใสที่ประดับรอบเจดีย์ มีบทสวดมนต์ เมื่อลมพัดจะช่วยพัดพาคำสวดไปคุ้มครองผู้คน.

กงล้อมนต์ (Prayer Wheels) กงล้ออธิษฐาน มีลักษณะเป็นล้อหมุนทรงกระบอก พื้นผิวรอบทรงกระบอกด้านข้างจะประดับไปด้วยตัวอักษรที่เป็นมนตราศักดิ์สิทธิ์ เป็นคำว่า “โอม มณี ปัทเม ฮัม” ชาวธิเบตเชื่อว่าการที่กงล้อหมุนเท่ากับสวดมนต์ได้หนึ่งจบ 








ที่ต่อไปที่พวกเราไปกันคือ เมืองปักตาปูร์ แต่แวะที่วัด Changu Narayan Temple 

วัดจังกูนารายัน (Changu Narayan Temple) เป็นวัดฮินดูที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเนปาล ตั้งอยู่บนเนินเขาในเขตภักตะปุร์ (Bhaktapur) ใกล้กรุงกาฐมาณฑุ เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และศิลปะที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกโดย UNESCO. วัดแห่งนี้อุทิศแด่พระวิษณุ (Lord Vishnu) ขึ้นชื่อเรื่องสถาปัตยกรรมแบบศาลาสองชั้น (two-tiered pagoda), หลังคาทองแดงประดับ, และงานแกะสลักไม้และหินที่วิจิตรบรรจงจากสมัยราชวงศ์ลิจฉวี (Licchavi dynasty). 

ครั้งหนึ่ง รูปแกะสลักนาราย์ทรงครุฑ ได้เคยเป็นแบบบนธนบัตรของเนปาล 






 

 




เพลิดเพลินร้านค้าสองข้างทาง 






 



เมืองปักตาปูร์ BHAKTAPUR เมืองโบราณที่ยังมีลมหายใจ  เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียง และได้รับความนิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยว จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "เมืองแห่งอัญมณีทางวัฒนธรรมของเนปาล" ซึ่งยังคงเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ในยุคกลาง มีร่องรอยความรุ่งเรืองทางด้านวัฒนธรรมและศิลปะเสน่ห์ของเมืองคือ วิถีชีวิตของชาวบ้านที่ดำรงอยู่รวมกับอาณาจักรโบราณอย่างกลมกลืน สามารถพบเห็นสิ่งสะท้อนชัยชนะในอดีตของผู้ครองนครมัลละได้ที่จัตุรัสปักตะปูร์ ดูร์บาร์ ที่ซึ่งทำเครื่องปั้นดินเผาและงานถักทอเป็นอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมที่สำคัญ ปักตะปูร์มีชื่อเสียงในด้านการแกะสลักไม้และทำภาทคาวันโตปี หรือหมวกแก๊ป (Bhadgaonle Topi Cap)










 

 

 




หมู่บ้านปั้นหม้อ ที่อยู่ทางใต้ของเมืองปักตาปูร์ เมื่อก่อนจะเป็นที่ขึ้นชื่อมาก เพราะเป็นหมู่บ้านปั้นหม้อที่แท้จริง คนในหมู่บ้านจะทำอาชีพปั้นหม้อ จะได้เห็นวิถึชีวิตดั้งเดิม แต่ปัจจุบันกลายสภาพเป็นจุดท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยสิ่งปรุงแต่งสำหรับนักท่องเที่ยว มีจุดให้นักท่องเที่ยวหัดปั้นหม้อ สภาพการทำงานก็ไม่เหมือนเมื่อก่อน ทำให้เสน่ห์ของที่นี่หายไปเยอะทีเดียว



 



และที่สุดท้ายของเมืองกาฐมาณฑุ ที่จะแนะนำคือตัวเมืองกาฐมาณฑุ ย่านทาเมล และ ดุรบาร์สแควร์

พวกเราพักกลางย่านทาเมล เย็นๆกลับจากการตระเวณรอบๆกาฐมาณฑุ ก็เดินช้อปปิ้งในย่านทาเมลแห่งนี้ ที่นี่จะมีสินค้าทุกประเภท ที่พวกเราสนใจเป็นพิเศษ ก็เช่นพวกพวงกุญแจ กระเป๋าเป้ เสื้อ กางเกง Northface แรกๆก็เดินสำรวจ ค่อยๆต่อรองราคา ต่อกันไปคุยกับคนขายกันไปจนสนิทสนม 3-4 วัน ที่พักในกาฐมาณฑุ พวกเราเดินช้อป เที่ยวเข้าออกจนคล่อง ได้กระเป๋า และเสื้อยืด กางเกง กันคนละหลายๆตัว

จากที่พัก พวกเราเดินชมเมือง เก็บภาพวิถึชีวิตของคนที่นี่ แสงสีเอื้ออำนวยให้เก็บภาพมาก


 

 





 



วัดเล็กๆ ระหว่างทางจากทาเมล ไป ดูรบาร์สแควร์ ชื่อ ลิตเติ้ล โพธนาถ  คล้ายวัดโพธนาถ แต่ย่อส่วนเล็กกว่ามาก




 

 



 





กว่าจะเดินถึงดูรบาร์สแควร์ แวะถ่ายภาพกัน ระยะทางแค่ กิโลกว่าๆ เราออกเดินกัน 9 โมงเช้า กว่าจะเดินถึงดูรบาร์สแควร์ ก็เกือบเที่ยง 

 

 





 


นาบิน พาพวกเราไปชมโฉมกุมารี องค์นี้เป็นองค์ใหม่พึ่งมารับตำแหน่ง 

กุมารี (Kumari) คือ เทพธิดาผู้มีชีวิตจริง ของชาวเนปาล เป็นเด็กหญิงชาวเนวารีที่ถูกคัดเลือกจากคุณสมบัติทางกายและดวงชะตาให้เป็นตัวแทนของเทวีทาเลจู (ปางหนึ่งของพระแม่ทุรคา). กุมารีจะใช้ชีวิตอยู่ในวัง (Kumari Ghar) ภายใต้ข้อห้ามมากมาย เช่น ห้ามเท้าแตะพื้นดิน และจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อเริ่มมีประจำเดือนหรือบาดเจ็บจนเลือดออก

เนื่องจากห้ามถ่ายภาพกุมารี ให้ชมเฉยๆ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูมาก 



ที่จตุรัสดูรบาร์สแควร์นี้ มีจุดที่น่าสนใจคือ Shree Kaal Bhairav Temple

เทพเจ้าไบราฟ (Bhairava) ในเนปาล คือ ปางดุร้ายของพระศิวะที่ชาวเนปาลเรียกว่า กาฬไภราพ (Kaal Bhairav) และ เศวตไภราพ (Svet Bhairav) เป็นเทพผู้พิทักษ์และทำลายความชั่วร้าย โดยเฉพาะ กาฬไภราพ (Kaal Bhairav) องค์สีดำที่มีรูปลักษณ์น่ากลัว มีพลังอำนาจในการลงโทษผู้พูดเท็จ และเป็นที่เคารพบูชาในเมืองกาฐมาณฑุ โดยเฉพาะที่จัตุรัสดูรบาร์ (Kathmandu Durbar Square). 

 

 




 

 


 แม้ตอนเดินกลับที่พัก ก็ยังไม่วายถ่ายภาพกันตามรายทาง





 



ติดตามตอนต่อไป เมืองโพครา ได้ที่นี่



No comments:

Post a Comment

ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......