Thursday 3 December 2015

Japan in Memories Oct 2015- Day 6-7


Day 6-7 : Matsumoto-Kawaguchiko

ดูตอนที่ผ่านได้ที่นี่

Day1 :  Kyoto
Day2 :  Nara-Kyoto
Day3 :  Arashiyama
Day4 :  Kanazawa-Takayama
Day5 :  Kamikochi-Matsumoto
Day6 :  Matsumoto-Kawaguchiko
Day7 :  Kawaguchiko-Tokyo
Day8 :  Kamakura-Narita
Day9 :  Bangkok



ผ่านไปครึ่งทาง วันนี้เป็นวันที่6 ของทริปแล้ว  วันแห่งความสุขมักจะผ่านเราไปอย่างรวดเร็ว  ตลอด 5 วันที่ผ่านมา เรามีทั้งสมหวังและผิดหวัง  แต่พวกเราก็ไม่ทุกข์ร้อน ทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาเป็นประสบการณ์ที่มีค่า ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นรถไฟผิดขบวน ก็สอนให้พวกเรารอบคอบในการขึ้นรถลงเรือ ไม่ผลีผลาม แต่จะตรวจสอบทุกครั้ง การยอมรับสถานการณ์ที่อาจผิดแผนเราก็มีสติและพร้อมปรับเปลี่ยนแผนไม่ฟูมฟายโทษกัน แต่จะร่วมกันช่วยกันแก้ปัญหาหรือหาทางเลือกที่ดีที่สุด  เช่นนี้เองจึงทำให้ทริปที่มีสมาชิกถึง 8 คน เป็นไปอย่างราบรื่น และชื่นมื่น

วันนี้เรามีอิสระตอนเช้า นัดพบกันอีกทีตอน 9.30 น. เพื่อเตรียมตัวเดินทางต่อไป Kawaguchiko แต่ถ้าใครตื่นไหว ก็นัดกันที่ล้อบบี้โรงแรม เพื่อเดินไปชม ปราสาทมัตสึโมโต้ หรือ ปราสาทอีกาดำกัน

Matsumoto 松本 เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในจังหวัดนากาโนะ ตั้งอยู่ในภูมิภาคจูบุ โดดเด่นทางด้านวัฒนธรรมที่มีปราสาทมัตสึโมะโตะ เป็นศูนย์กลางของเมือง และทางด้านธรรมชาติอย่างเทือกเขา Japan Alps โดยเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทาง Tateyama-Kurobe Alpine Route นั่นเอง เมืองมัตสึโมโตะ เป็นเมืองเล็กๆ น่ารัก ที่สามารถแวะเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับได้จากโตเกียว




 “ปราสาท Matsumoto 松本城” หรือที่เรียกกันว่า ปราสาทอีกา เพราะตัวปราสาทเป็นสีดำ และรอบๆ ปราสาทก็มีอีกาบินไปบินมา ปราสาท Matsumoto เป็นปราสาทดั้งเดิมมีอายุกว่า 400 ปี ซึ่งถูกสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1592 ได้รับการแต่งตั้งเป็นทั้งโบราณสถานแห่งชาติ และสมบัติของชาติ ปราสาทอยู่บริเวณพื้นราบ โดยมีแนวกำแพงและคูน้ำล้อมรอบปราสาทไว้ ตัวปราสาทไม่ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ เพราะไม่โดนทำลายด้วยภัยสงครามในอดีต ทำให้ยังคงสภาพเดิมเอาไว้จนถึงปัจจุบัน



อากาศไม่แจ่มใสนัก มีแสงพอให้จับแสงได้ไม่นานนัก ใบไม้ยังคงเขียวมีเปลี่ยนสีบ้างไม่มากนัก เรามีเวลาไม่มาก จึงเก็บภาพเฉพาะด้านนอกตัวปราสาทเท่านั้น













สมควรแก่เวลา ก็เดินกลับมาโรงแรม ฝากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ส่งล่วงหน้าไปรอเราที่ นาริตะ เลย จากวันนี้ไปอีก 2 วันข้างหน้า เราแบ่งเสื้อผ้าใส่เป้หลัง เพื่อสะดวกต่อการเดินทางไม่ต้องพะวงกับกระเป๋าใบใหญ่





ตามแผนที่เราวางไว้ เราจะนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Kofu  ซึ่งที่นี่จะมีรถบัสไปลงที่สถานีรถไฟ Kawaguchiko  ใช้เวลาเดินทางเร็วกว่าการนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Otsuki และต่อรถไฟสาย Fujikyuko Line ไปลงที่สถานี Kawaguchiko  

9.41  เราออกเดินทางจากสถานีรถไฟ Matsumoto โดยรถไฟสาย JR Chuo Line  และไปรอขึ้นรถบัสที่สถานี Kofu เที่ยวเวลา 12.00 น.  และเราก็มีเวลามากพอที่จะซื้อข้าวกล่องที่สถานี Kofu และนั่งทานกันระหว่างรอรถบัส สิ่งหนึ่งที่เรามีความสุขคือ แม้เราจะทานข้าวกล่องสถานีรถไฟกันแทบทุกวันแต่รสชาดของอาหารก็สดใหม่อร่อย ราคาที่ไม่แพงมากแต่มีปริมาณและคุณภาพที่คุ้มค่าราคามากมาย  แทบไม่ทำให้พวกเราต้องคิดถึงอาหารไทยเลยสักนิด



12.00 น. ช้ากว่าเวลาที่กำหนดเล็กน้อย รถบัสก็เข้ามาจอด เป็นรถเมลล์ท้องถิ่นวิ่งรถผู้โดยสารตลอดทาง จาก Kofu ไปยัง Kawaguchiko  ระหว่างทาง นอกจากวิวที่สวยงามเราก็ผ่านชุมชนและสวนองุ่นเป็นระยะๆ  








มีช่วงหนึ่งรถวิ่งเข้าอุโมงค์ ที่ยาวทีเดียว




ประมาณชั่วโมงเศษๆ  เราก็มองเห็นทะเลสาปคาวากุจิโกะ อยู่ข้างหน้า




เราลงรถบัสที่สถานี Kawaguchiko  และเราก็แวะซื้อตั๋วเหมา 2 วัน สำหรับรถเมลล์ Retro Bus วิ่งรอบๆทะเลสาป ราคา 1,030 เยน  เราจะต้องมาลงรถที่ป้ายที่ 17  เพื่อเช็คอินเข้าที่พัก Denn's Inn  เกสเฮาส์เล็กๆ แต่ทำเลยิ่งใหญ่ริมทะเลสาป ณ.ตำแหน่งนี้เราสามารถเดินเก็บภาพภูเขาไฟฟูจิและอุโมงค์ใบไม้เปลี่ยนสี  และที่ป้ายที่18 ห่างไปไม่มากนักจะเป็นจุดที่มีอุโมงค์ต้นเมเปิ้ลที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงสดใส เราสามารถเดินไปได้โดยไม่ต้องง้อรถบัสที่จะหยุดวิ่งหลัง 17.00 น.  






กว่าจะเดินถึงที่พักก็ใช้เวลานานพอสมควร กับการโอ้เอ้เก็บภาพริมทางที่สวยเหลือเกิน





เราใช้เวลาเช็คอินชั่วอึดใจ ในการวางกระเป๋าเป้ และไม่รอช้าที่จะรีบมาที่ริมทะเลสาป  เพื่อยลโฉมภูเขาไฟฟูจิ ให้สมอยาก  แต่ฟูจิ เธอช่างขี้อายจริงๆ หลบอยู่หลังเมฆหมอกไม่ยอมโผล่โฉมให้เราได้ชมเลยสักนิด  แต่เราก็ยังได้ใบไม้เปลี่ยนสีชดเชยแทน









เดินถ่ายกันจนแสงหมด  พรุ่งนี้เช้าค่อยมาลุ้นกันใหม่ว่า เราจะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ หรือไม่

เช้านี้เราสะดุ้งตื่นจากเสียงของ เพื่อนร่วมคณะเรียกให้ดูภูเขาไฟฟูจิ จากหน้าต่างห้องนอน ยังงัวเงียเถียงว่า  อำกันหรือปล่าว  หลังจากชะโงกหน้าต่างมองเห็นภูเขาไฟฟูจิเท่านั้น ทุกคนตาสว่างรีบล้างหน้าและคว้ากล้องออกมาริมทะเลสาปทันที 




















จากที่นี่ ชาวคณะอยากไปถ่าย ฟูจิกับเจดีย์แดงที่ Pagoda Chureito  หลังจากเช็คเอาท์และมารถรถเมลล์ และดูตารางเดินรถแล้ว เห็นว่าอีก 45 นาที รถเมลล์ถึงจากมา ขอเก็บภาพกิงโกะเหลืองกันซักหน่อย



  




จากสถานี Kawaguchiko นั่งรถย้อนขึ้นมา 2-3 สถานี มาลงที่สถานี Shimoyoshida st.  และเดินขึ้นบันไดวัดกว่า 400 ขั้น ขึ้นไปด้านบน เพื่อถ่ายเจดีย์แดง กับฟูจิ


















หลังปล่อยให้คนหนุ่มคนสาว ขึ้นไปเก็บภาพด้านบน เราขอสมัครใจเดินกลับมาสถานีรถไฟ นั่งจิบชารอดีกว่า




หลังจากอิ่มเอมกับการเก็บภาพภูเขาไฟฟูจิ ที่พวกเรานับว่าโชคดีมากๆ ที่มาครั้งแรกก็ได้เห็นฟูจิ  เพราะว่ากันว่า ภูเขาไฟฟูจิ เธอขึ้อายมาก บางคนมา 4 ครั้ง ยังไม่สามารถได้ยลโฉมงามของเธอเลย  

เราเดินทางต่อเข้ามายังโตเกียว แต่ขอแวะลงที่สถานี Nagano  ก่อน เพราะที่นี่จะมีร้านกล้องมือสอง ขอแวะเดินดูกันสักหน่อยก่อนเข้าที่พัก  ก็ได้ติดไม้ติดมือกันคนละเล็กละน้อย

คืนนี้เราพักที่โรงแรม MyStays Asakusa-bashi  พรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายสำหรับทริปนี้แล้ว

ติดตาม  คามาคุระ  ในตอนต่อไป








No comments:

Post a Comment

ผ่านมาแล้วอย่าผ่านเลยไป แวะทักทายกันสักนิด......